tag:blogger.com,1999:blog-20903893232302757462024-03-13T06:10:33.422+07:00Japanese Foods อาหารญี่ปุ่น Food Drink Menu Recipe Restaurant Sushi Delicious GuideJapanese Foods Guide อาหารญี่ปุ่น japanese food ร้านอาหารญี่ปุ่น แนะนำ japanese restaurant บุฟเฟ่ต์ อาหารญี่ปุ่น buffet สูตร อาหารญี่ปุ่น japanese recipe cuisines cooking อร่อย ปรุงอาหาร วิธีทำอาหาร ทำอาหารญี่ปุ่น spices gourmet ingredient เมนู อาหารญี่ปุ่น menu japanese vegetarian soup อาหารประจำชาติ สูตรอาหาร เคล็ดลับ วิธีการ ทำอาหาร ขนม dessert เครื่องดื่ม beverage drink japanese foodsUnknownnoreply@blogger.comBlogger120125tag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-1921870026675718212013-01-16T17:01:00.000+07:002013-01-16T17:06:00.986+07:00JAPAN FOOD CULTURE FESTIVAL 2013<br />
<span style="font-size: large;"><b>JAPAN FOOD CULTURE FESTIVAL 2013</b></span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"><b>ที่ชั้น G และชั้น M GATEWAY EKAMAI</b></span><br />
<span style="font-size: large;"><b><br /><span style="color: #a64d79;">11 มกราคม - 23 มกราคม 2556</span></b></span><br />
<span style="font-size: large;"><b><span style="color: #a64d79;">26 มกราคม - 10 กุมภาพันธ์ 2556</span></b></span><br />
<br />
พลาดไม่ได้กับ สุดยอดแห่งความอร่อยจากฝีมือการทำอาหารของเชฟชาวญี่ปุ่น ที่บินตรงมาปรุงอาหารให้ทุกท่านได้ลิ้มลองกัน! และพบกับศิลปินมากมายในงาน Japan Food Culture Festival 2013 ทั้ง
วงสินเจริญบราเธอร์, ลุลา, วง Room39 พร้อมทั้งเชฟ TV Champion
ขนมหวานสองสมัยซ้อนค่ะ<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-rD49PCG5SkQ/UPZ54PE-95I/AAAAAAAAEeY/mwIbtZe7J4c/s1600/Japan-Food-Culture-Festival-2013.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-rD49PCG5SkQ/UPZ54PE-95I/AAAAAAAAEeY/mwIbtZe7J4c/s1600/Japan-Food-Culture-Festival-2013.jpg" /></a></div>
• พบกับร้านดังมากมาย อาทิ Fujinomiya Yakisoba, Boteijyu, Tokyo Gyoza, Tsuyama Horumon, Chanpontei, Imabari Yakibuta, Ooi Cheese Pasta, Meihou Keichan, Hanabatake Bokujyo<br />
<br />
• พบกับหนุ่มฮอต มาริโอ้ เมาเร่อ และพิธีกรสาวสุดสวย นุ้ย สุจิรา วันศุกร์ที่ 11 ม.ค. 56<br />
<br />
• พบกับเจ้าของแชมป์ขนมหวานสองปีซ้อน จากรายการ ทีวีแชมเปี้ยน คุณโยชิดะ โมริฮิเดะ วันเสาร์ที่ 2 ก.พ 56<br />
<br />
• พบกับศิลปินและดาราที่จะมาสร้างความสนุกตลอดทุกสัปดาห์<br />
<br />
• สนุกสนานกับเกมส์และกิจกรรมญี่ปุ่นตลอดงาน พร้อมรับ Passport Rally ลุ้นรับของที่ระลึก<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-TGY7Cp13Fac/UPZ6BqkyeRI/AAAAAAAAEeg/5W40ZmoQy3I/s1600/Japan-Food-Culture-Festival-2013_2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://1.bp.blogspot.com/-TGY7Cp13Fac/UPZ6BqkyeRI/AAAAAAAAEeg/5W40ZmoQy3I/s640/Japan-Food-Culture-Festival-2013_2.jpg" width="456" /></a></div>
<br />
เชิญมาลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นส่งตรงจากญี่ปุ่นแท้ๆ พร้อมสนุกสนานกับกิจกรรมมากมายค่ะ ติดตามรายละเอียดและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ <a href="http://www.facebook.com/JapanFoodCultureFestival2013" target="_blank">www.facebook.com/JapanFoodCultureFestival2013</a>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-70595991895350025432012-12-06T11:17:00.000+07:002012-12-06T11:19:14.627+07:00ร้าน "ทงคัตสึ ไมเซน (Tonkatsu Maisen)" ทงคัตสึชื่อดังของญี่ปุ่น เปิดแล้วที่สีลมคอมเพล็กซ์ สาขาแรกในประเทศไทย<br />
<b>ร้านทงคัตสึไมเซน (Tonkatsu Maisen)</b> มีอายุยาวนาน เริ่มตั้งแต่ปี 1965 มาถึงปีนี้ 2012 เหตุเกิดเริ่มมาจาก คุณแม่ชาวญี่ปุ่น ทำกับข้าวให้ลูกๆ ทาน และคิดว่า ลูกๆ คงได้รับรู้ถึงความอร่อยนี้ และก็เลยอยากจะแชร์ความอร่อยนี้ให้ทุกคนได้ลองทานด้วย จึงเปิดเป็นร้านข้าวหมูทอดเล็กๆ ขึ้นมา โดยที่คุณแม่ ก็เป็นผู้ลงมือทำเหมือนกับว่าทำให้ลูกๆ ทานที่บ้าน ลูกค้าที่มาได้ลองชิมรู้สึกได้ถึงความอร่อย จนทำให้กิจการรุ่งเรืองขายดิบขายดี จนเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน<br />
<br />
<b>หลายๆคนที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่น และเดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยครั้ง คงจะรู้จักร้านทงคัตสึที่ชื่อว่า <span style="color: #cc0000;">ไมเซน Maisen</span> กันพอสมควร ทงคัตสึไมเซน คือ ร้านอาหารประเภททงคัตสึ หรือ หมูชุบแป้งทอด ที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 50 ปี ได้ชื่อว่าเป็นร้านทงคัตสึที่อร่อยที่สุดแห่งหนึ่ง ในญี่ปุ่นได้รับความนิยมจากคนญี่ปุี่ปุ่นทั่วประเทศ โดยได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทงคัตสึที่อร่อย..นุ่ม จนใช้ตะเกียบตัดได้”</b><br />
<br />
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-ARHDcpAo0iE/UMAYeF8tVmI/AAAAAAAAEdQ/rkWSO18YgSo/s1600/Shrimp-Katsu-Pocket-Sandwich.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="213" src="http://3.bp.blogspot.com/-ARHDcpAo0iE/UMAYeF8tVmI/AAAAAAAAEdQ/rkWSO18YgSo/s320/Shrimp-Katsu-Pocket-Sandwich.jpg" width="320" /></a> ซึ่งมีจุดเด่น 3 ประการที่สามารถมัดใจผู้บริโภค คือ <br />
<br />
1. ทงคัตสึของไมเซน Maisen เสิร์ฟเนื้อหมูดำคุณภาพเลิศที่คัดสรรมาอย่างดี ที่เรารู้จักกันดีว่า <b>“หมูคุโรบุตะ (Kurobuta)”</b> ซึ่งมีรสชาติอร่อย และได้นำมาใช้ในร้านตั้งแต่สมัยแรกๆ จวบจนปัจจุบัน <br />
<br />
2. เกล็ดขนมปังที่ฟูราวกับดอกไม้บาน และ<br />
<br />
3. ซอสสูตรลับเฉพาะ ซึ่งเป็นความอร่อยของสามรสชาติในหนึ่งเดียว<br />
<br />
<b>ทงคัตสึไมเซน</b> ถือเป็นร้านอาหารแรกๆในวงการอาหารญี่ปุ่นซึ่งมีขายอาหารปรุงสำเร็จ (อาหารชุดที่ซื้อในห้าง) ปัจจุบันมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า สถานีรถไฟ และสนามบินกว่า 50 แห่ง มีร้านค้าบริการจัดส่ง และมีการจำหน่ายสินค้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำกว่า 170 แห่ง<br />
<br />
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-yKVjITOlFr4/UMAYe8J9wFI/AAAAAAAAEdU/6ScyKMnAgBQ/s1600/Tenderloin-Katsu-Pocket-Sandwich.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="212" src="http://3.bp.blogspot.com/-yKVjITOlFr4/UMAYe8J9wFI/AAAAAAAAEdU/6ScyKMnAgBQ/s320/Tenderloin-Katsu-Pocket-Sandwich.jpg" width="320" /></a>ปี 2555 เป็นปีแห่งการครบรอบ 48 ปีและ เป็นปีแห่งความภูมิใจ ของทงคัตสึไมเซน ในการเริ่มต้นขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ โดยตัดสินใจร่วมมือกับ S&P ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ไมเซนในประเทศไทย เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีปรัชญาทางธุรกิจที่สอดคล้องกันในเรื่อง “การดูแลลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด” และความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทเป็นสิ่งที่สนับสนุนกันและกัน เพื่อสร้างความสำเร็จทางธุรกิจได้ โดยไมเซนมีความเป็นมืออาชีพในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารทงคัตสึ และ S&P มีความเป็นมืออาชีพด้านการบริหารธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย<br />
<br />
<br />
<b>ร้านทงคัตสึไมเซน ร้านแรกในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น B</b> ซึ่งออกแบบการสร้างโดยกลุ่มบริษัทในเครือ Suntory Holding Limited จากญี่ปุี่ปุ่น โดยมีร้านทงคัตสึไมเซน สาขาฮิคาริเอะ เป็นต้นแบบ รูปแบบการให้บริการของร้านทงคัตสึไมเซน เป็นการเสิร์ฟและเป็นชุดอาหาร โดยมื้อเย็นบริการเติมข้าว ซุปมิโซะ กะหล่ำปลี และน้ำชาเขียวฟรี สำหรับมื้อกลางวันนำเสนอ Lunch set ซึ่งเป็นชุดอาหารขนาดพอเหมาะกับมื้อกลางวันในราคาที่ลูกค้าสามารถเลือกรับประทานเป็นร้านประจำได้<br />
<br />
<b>เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว (เริ่มเปิดให้บริการวันแรก วันที่่ 1 พฤศจิกายน 2555)</b><br />
ตั้งอยู่ที่ อาคารสีลม คอมเพล็กซ์ ชั้น B <br />
โดยเปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา 10.30 – 22.00 น. <br />
ติดต่อสอบถาม โทร. 02 231 3121 <br />
หรือติดตามที่ facebook page : <a href="http://www.facebook.com/MaisenThailand" target="_blank">www.facebook.com/MaisenThailand</a><br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-vNhwMo4DmcQ/UMAYf6V2BPI/AAAAAAAAEdc/SxdsLbEAgv8/s1600/Tonkatsu-Maisen.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="267" src="http://1.bp.blogspot.com/-vNhwMo4DmcQ/UMAYf6V2BPI/AAAAAAAAEdc/SxdsLbEAgv8/s400/Tonkatsu-Maisen.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="color: #7f6000;">บรรยากาศร้านในเมืองไทย ที่เอารูปแบบมาจากร้านทงคัตสึไมเซน สาขาฮิคาริเอะ</span></div>
<br />
<br />
Credit: <a href="http://www.iurban.in.th/highlight/maisen-tonkatsu-now-open-in-bangkok-silom-complex/" target="_blank">http://www.iurban.in.th/</a><br />
<br />Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-1861205969338125712012-07-28T14:53:00.000+07:002012-08-01T14:57:56.549+07:00โปรโมทชั่น ชาบูชิ บุฟฟ่ต์ (Shabu Shi Buffet Promotions)<div style="color: red;">
<b><span style="font-size: large;">มาแล้ว โปรโมทชั่นพิเศษจาก ชาบูชิ บุฟฟ่ต์ กับโปรโมทชั่น... </span></b></div>
<b style="color: red;"><span style="font-size: large;">"ส่วนลด...คนพิเศษ เพียง 269 บาท <strike>จากปกติ 319 บาท</strike>"</span></b><br />
<br />
ชาบูชิ บุฟเฟ่ต์ ในราคาพิเศษเพียง 269 บาท/ท่าน (ปกติ 319 บาท) เฉพาะสาขา ซีคอนสแควร์ ชั้น G และ ชั้น 4 ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 11:00 - 18:00 น.<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-if0TzufDWFA/UBjfyEVHPTI/AAAAAAAAD9M/s5-5ntqNnI0/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-shabushi.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://1.bp.blogspot.com/-if0TzufDWFA/UBjfyEVHPTI/AAAAAAAAD9M/s5-5ntqNnI0/s640/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9-shabushi.jpg" width="505" /></a></div>
<div style="color: red; text-align: center;">
<u><b>**เพียงปริ้นท์คูปองนี้มาแสดงเพื่อรับสิทธิ์**</b></u></div>
<br />
ตั้งแต่วันนี้ - 31 ส.ค. 55<br />
(คูปองไม่สามารถใช้ได้ในวันที่ 2-3 ส.ค. และ 12-13 ส.ค. 55)<br />
<br />
......................................................................................................................................................<br />
<br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>ชาบูชิ บุฟเฟ่ต์ เอาใจแฟนๆ พิเศษ! กับโปรโมชั่น "มา 5 จ่าย 4"</b></span><br />
<br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>(ใช้ได้เลย ไม่ต้องมีคูปอง)</b></span><br />
<br />
ที่สาขา...<br />
<br />
<b>- สาขา พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3<br />- สาขา ซีคอนสแควร์ ชั้น G และ ชั้น 4<br /><br />ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ช่วงเวลา 11:00 - 18:00น.<br />ตั้งแต่วันนี้ - 31 ส.ค. 55<br /><br />(ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ในวันที่ 2-3 ส.ค. และ 13 ส.ค. 55)</b><br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-dz-AgY1SGso/UBDTMN1STuI/AAAAAAAAD5c/pdovByoXaUY/s1600/shabushi_%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%8C_%E0%B8%A1%E0%B8%B25%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A24.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://3.bp.blogspot.com/-dz-AgY1SGso/UBDTMN1STuI/AAAAAAAAD5c/pdovByoXaUY/s640/shabushi_%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%8C_%E0%B8%A1%E0%B8%B25%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A24.jpg" width="458" /></a></div>
<br />
<u>เงื่อนไข</u><br />
- เฉพาะราคาผู้ใหญ่ปกติ ยกเว้นราคาเด็ก<br />
- เฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสินค้าฝากขาย<br />
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับบัตรสมาชิกในเครือโออิชิ กรุ๊ป ทุกประเภทได้<br />
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับคูปองส่วนลดและรายการส่งเสริมการขายอื่นได้<br />
<br />
......................................................................................................................................................<br />
<br />
Call Center : 1773<br />
<a href="http://www.shabushibuffet.com/" target="_blank">www.shabushibuffet.com</a><br />
<br />Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-73105503796535257802012-07-24T14:14:00.000+07:002012-07-24T16:06:23.109+07:00อิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์ (Ichitan Izakaya Buffet)<br />
เชิญมาเปิดประสบการณ์ไนท์ไลฟ์ และเต็มอิ่มความอร่อยที่ <b>อิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์ (Ichitan Izakaya Buffet) Arena10 (ทองหล่อ ซอย 10)</b> จันทร์–อาทิตย์์ เวลา
11.00 – 14.00 น. และ 17.00-24.00 น. กับโปรโมชั่นแรงๆ สุดฮิป เอาใจคนรักบุฟเฟ่ต์ กับ อิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์ (Ichitan Izakaya Buffet) ...<br />
<br />
<br />
<div style="color: red;">
<span style="font-size: x-large;"><b>++ โปรโมชั่น... มา 4 จ่าย 3 ++</b></span></div>
<br />
<b>Ichitan
Buffet จัดโปรโมชั่น "มา 4 จ่าย 3" ที่สาขาทองหล่อ เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์
ช่วงเวลา 11.00-14.00 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่วันนี้ - 30
ส.ค. 55</b><br />
<b>** ราคาปกติ 499 บาท net/ท่าน **</b><br />
<br />
สารองที่นั่งได้ที โทร. 02-392-8982 / 081-9327311 <br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-AitgtS0fU8g/UA5IFTq1yaI/AAAAAAAAD4Q/1pN-DDaYuTA/s1600/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99+%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B0+%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%8C_Ichitan+Izakaya+Buffet.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://2.bp.blogspot.com/-AitgtS0fU8g/UA5IFTq1yaI/AAAAAAAAD4Q/1pN-DDaYuTA/s640/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%99+%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B0+%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%8C_Ichitan+Izakaya+Buffet.jpg" width="532" /></a></div>
<br />
......................................................................................................................................................<br />
<br />
<b style="color: #cc0000;">อิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์ (Ichitan Izakaya Buffet)</b><br />
<b><br />คำว่า "อิซากายะ" (Izakaya) มาจากคำว่า Sakaya แปลว่า "ร้านสาเก" <br />สาเก เป็นเครื่องดื่มเพิ่มรสชาติอาหารที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวญี่ปุ่น บางครั้งมักเรียกว่า "Akachochin" ที่หมายถึง "โคมสีแดง" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ของร้านอาหารประเภทนี้</b><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-M1J7R15unIg/UA5IPFMaTzI/AAAAAAAAD4Y/bhxy69P_g1g/s1600/ichitan_izakaya_buffet_01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-M1J7R15unIg/UA5IPFMaTzI/AAAAAAAAD4Y/bhxy69P_g1g/s1600/ichitan_izakaya_buffet_01.jpg" /></a></div>
<br />
เป็นที่รู้กันดีว่าร้านประเภท <b>"อิซากายะ"</b> ให้บริการอาหารประเภทปิ้งย่าง อาหารทานเล่นแกล้มเบียร์สไตล์ญี่ปุน เช่น ยากิโทริ (ไก่ ย่างเสียบไม้) , คาราเกะ(ไก่ทอดกรอบขนาดไบท์ไซส์) , ซาชิมิ (ปลาดิบ) หรือนาเบะ (หม้อไฟ)ในสไตล์บุฟเฟต์ให้บริการได้ไม่ จำกัด วัฒนธรรมการกินดื่มหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นมักรีแลกซ์ยามเย็นหลังเลิกงาน ปรับโหมดการทางานที่ยุ่งเหยิงทั้งวันมาแฮงก์เอ้าท์ กับร้านอาหารญี่ปุ่นบรรยากาศสบายไม่เป็นทางการสักแห่งร้านอาหารประเภท <b>"อิซากายะ" (Izakaya)</b> จึงพบได้มากมายตามเมืองใหญ่ ในประเทศญี่ปุ่น<b> </b><br />
<br />
<b>"อิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์"</b> แห่ง Arena 10 คอมมูนิตี้สเปซ สุดฮิตใจกลางทองหล่อ ได้สร้างบรรยากาศร้านสไตล์ต้นตารับ ด้วยเฟอร์นิ เจอร์ไม้เน้นความเรียบง่ายและเป็นกันเอง ภายใต้คอนเซ็ปท์ "The Most Cheerful Restaurant in Bangkok" เสน่ห์ความ สุข สนุก คึกคักที่สุดใจกลางเมืองเป็นสีสันแหล่งแฮงก์เอ้าท์ยามค่าคืนแห่งใหม่ พร้อมหัวหน้าเชฟบินตรงจากญี่ปุ่นมาครีเอทเมนูแสน อร่อยกว่า 150 เมนูให้เลือกทานได้ในสไตล์บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นไม่จำกัดอิ่มอร่อยเต็มอิ่ม 2 ชั่วโมงเต็มในราคาเพียงท่านละ 499 บาท (Net) <br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-hDHTRDjy6tE/UA5IPuH0MmI/AAAAAAAAD4g/DJRsJ8Q-9Ig/s1600/ichitan_izakaya_buffet_02.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-hDHTRDjy6tE/UA5IPuH0MmI/AAAAAAAAD4g/DJRsJ8Q-9Ig/s1600/ichitan_izakaya_buffet_02.jpg" /></a></div>
<br />
<b>อิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์ (Ichitan Izakaya Buffet) มีด้วยกัน 2 สาขา คือ </b><br />
<br />
<b>1. สาขา ทองหล่อ ซอย 10</b> เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 – 14.00 น. และ 17.00-24.00 น.สำรองที่นั่ง โทร. 02-392-8982 / 081-9327311<br />
<br />
<b>2. สาขา ลพบุรี</b> เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น.สำรองที่นั่ง โทร. 036-770-582 / 081-849-4915 <br />
<br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">Credit: <a href="http://www.ichitangroup.com/" target="_blank">www.ichitangroup.com </a></span><br />
<br />
<br />
<br />Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-63665634122006701472012-07-11T15:06:00.000+07:002012-07-24T11:06:53.875+07:00เทศกาลกุ้งเผา ที่โออิชิ บุฟเฟต์ (Oishi Buffet) + คูปองพิเศษ!นักชิมทั้งหลายไม่ควรพลาด! ขอเชิญมาพบกับขบวนกุ้งคัดพิเศษที่ โออิชิ บุฟเฟ่ต์ กุ้งสดๆ เนื้อแน่นๆ อร่อยเต็มๆ มาเผาบนเตาย่างร้อนๆ หอมอร่อย เสริฟ์พร้อมน้ำจิ้ม รสจัดจ้าน สูตรเฉพาะของโออิชิ ... <b>เริ่ม 1 ก.ค. – 10 ส.ค.55</b> นี้<br />
<br />
โออิชิ บุฟเฟ่ต์ ภัตตาคารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น แนะนำความอร่อย...คุ้ม! ยกขบวนกุ้ง เกรดพิเศษ ผ่านกระบวนการเผาไฟจนกลายเป็นความอร่อยยอดเยี่ยมแบบฉบับ กุ้งเผา เนื้อแน่น หวานกรุบ นำเสิร์ฟร้อนๆ คู่น้ำจิ้มรสชาติเด็ด...เผ็ดนำเปรี้ยวตาม! อย่างไม่อั้น พร้อมอาหารญี่ปุ่น อาทิ ซูชิ ซาชิมิ เทมปุระ ทาโกะยากิ เทปปันยากิ ฯลฯ และอาหารนานาชาติร่วมร้อยรายการ ณ โออิชิ บุฟเฟ่ต์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ - 10 สิงหาคม 2555 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โออิชิ คอลล์ เซ็นเตอร์ 0-2712-3456 หรือ 1773<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-3hqUHc7Pdew/T_0yDpbllmI/AAAAAAAADzw/lT_1x9BLfkI/s1600/Oishi-japanese-buffet-2555.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="400" src="http://3.bp.blogspot.com/-3hqUHc7Pdew/T_0yDpbllmI/AAAAAAAADzw/lT_1x9BLfkI/s400/Oishi-japanese-buffet-2555.jpg" width="300" /></a></div>
<b>พบความอร่อยได้ที่ โออิชิบุฟเฟต์ สาขา..</b><br />
<br />
- พหลโยธิน<br />
- สาทร นราธิวาส ตัดใหม่<br />
- ซีคอนสแควร์ ชั้น 4<br />
- เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์<br />
- ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต<br />
- เมเจอร์ปิ่นเกล้า<br />
- ไอทีสแควร์ หลักสี่<br />
- เมเจอร์รัชโยธิน<br />
- แฟชั่นไอส์แลนด์<br />
- เซ็นทรัลพระราม 9<br />
- ฟิฟตี้ ฟิฟ ทองหล่อ ซอย 2<br />
- เพียวเพลส สัมมากร สุขาภิบาล 3<br />
- เซ็นทรัลแอร์พอตเชียงใหม่<br />
- อเวนิว พัทยา สาย 2<br />
- ยูดีทาวน์อุดรธานี<br />
- อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ ภูเก็ต<br />
<br />
<br />
<br />
......................................................................................................................................................<br />
<br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>คูปองมา Special for you : Oishi Buffet @Bangkok </b></span><br />
<br />
<b>Special for You<br />คูปองโออิชิ บุฟเฟ่ต์ ราคาพิเศษเฉพาะคุณ<br /><br />399 บาท/ท่าน/สุทธิ (ปกติ 479 บาท)<br />เฉพาะที่ สาขาพหลโยธิน เยื้องแดนเนรมิตเดิม<br />ตั้งแต่วันนี้ - 10 ส.ค. 55</b><br />
<br />
<b>เงื่อนไข</b><br />
- กรุณาแสดงคูปองก่อนชำระเงิน<br />
- คูปอง 1 ใบต่อการใช้สิทธิ์ 1 ท่าน<br />
- เฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสินค้าฝากขาย<br />
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับคูปองส่วนลดอื่นและรายการส่งเสริมการขายอื่นได้<br />
- ใช้ได้เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์<br />
- ระยะเวลาการใช้คูปอง 23 ก.ค. - 10 ส.ค. 55 <br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-g5X6MqWk6gw/UA4e07Q7tKI/AAAAAAAAD4E/zO6hp5FrGKg/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B4_special-for-you.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://2.bp.blogspot.com/-g5X6MqWk6gw/UA4e07Q7tKI/AAAAAAAAD4E/zO6hp5FrGKg/s640/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B4_special-for-you.jpg" width="449" /></a></div>
......................................................................................................................................................<br />
<br />
และช่วงนี้พิเศษสุดกับโปรโมชั่น...<br />
<br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>คูปองมา 4 จ่าย 3 : Oishi Buffet @Bangkok </b></span><br />
<br />
<b>โปรโมชั่นสุดพิเศษ!!! สำหรับแฟน OISHI Buffet</b><br />
<br />
<b>เพียงปริ้นต์ คูปอง “ มา 4 จ่าย 3 ” สำหรับ OISHI Buffet <u>เฉพาะสาขาซีคอน,ทองหล่อ, เพียวเพลส, รัชโยธิน ตั้งแต่วันที่ 17 – 31 กรกฏาคม 55</u></b><br />
<b><br />เงื่อนไขการใช้สิทธิ์</b><br />
- คูปอง 1 ใบ ต่อ 1 คน เฉพาะราคาผู้ใหญ่ปกติ (ไม่นับรวมราคาเด็ก)<br />
- กรุณาแสดงคูปองก่อนชำระเงิน สามารถพิมพ์เป็นสีหรือขาวดำ ก็ได้<br />
- สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และ วันหยุดชดเชย<br />
- ไม่สามารถแลกหรือเปลี่ยนเป็นเงินสด<br />
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับบัตรสมาชิก บัตรแทนเงินสด หรือรายการส่งเสริมการขายอื่น<br />
- บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-l96GtNczGxE/UATofIwb5gI/AAAAAAAAD10/Sz8usS-qn9o/s1600/oishi-buffet-promotion-%E0%B8%A1%E0%B8%B24%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A23.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://3.bp.blogspot.com/-l96GtNczGxE/UATofIwb5gI/AAAAAAAAD10/Sz8usS-qn9o/s640/oishi-buffet-promotion-%E0%B8%A1%E0%B8%B24%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A23.jpg" width="446" /></a></div>
<span style="color: red; font-size: large;"><b> </b></span>......................................................................................................................................................<span style="color: red; font-size: large;"><b> </b></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b><br /></b></span><br />
<span style="color: red; font-size: large;"><b>คูปองมา 4 จ่าย 3 : Oishi Buffet @Pattaya</b></span><br />
<br />
<b>เพียงปริ้นท์คูปองนี้ รับสิทธิ์มา 4 จ่าย 3 ที่โออิชิ บุฟเฟ่ต์ <u>เฉพาะสาขา ดิ อเวนิว พัทยา สาย 2</u> ... ตั้งแต่วันนี้ - 31 ก.ค. 55</b><br />
<b>เงื่อนไข</b><br />
- โปรดแสดงคูปองก่อนใช้สิทธิ์<br />
- คูปอง 1 ใบต่อ 1 ท่าน (เฉพาะราคาผู้ใหญ่ปกติ ไม่นับรวมราคาเด็ก)<br />
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดบัตรกำนัลเงินสดโออิชิกรุ๊ปทุกประเภทได้<br />
- ใช้เป็นส่วนลดได้วันจันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดชดเชย<br />
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่นๆได้<br />
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-V63xNIl2PmA/T_0zVPZOcJI/AAAAAAAADz4/NpkyrDGYvrA/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B24%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A23.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-V63xNIl2PmA/T_0zVPZOcJI/AAAAAAAADz4/NpkyrDGYvrA/s1600/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B24%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A23.jpg" /></a></div>
<br />
<br />
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ <b>Call center 1773</b><br />
<a href="http://www.oishigroup.com/">www.oishigroup.com</a><br />
<br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">ที่มา <br /><a href="http://www.facebook.com/oishifoodstation">www.facebook.com/oishifoodstation</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-18512616338865005102012-07-01T14:35:00.000+07:002013-01-16T17:15:39.498+07:00JAPANESE NEWS UPDATE ข่าว ความรู้ บทความ เกี่ยวกับญี่ปุ่น<b>สถานทูตญี่ปุ่น ออกวีซ่าแบบ Multiple ให้กับนักท่องเที่ยว</b><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-O4PqxT2U0S4/UAUVAv32ZJI/AAAAAAAAD2M/7n-B0CfzOqo/s1600/multiple_visa.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-O4PqxT2U0S4/UAUVAv32ZJI/AAAAAAAAD2M/7n-B0CfzOqo/s1600/multiple_visa.jpg" /></a></div>
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ทางรัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายที่จะออกวีซ่าแบบ Multiple ให้กับนักท่องเที่ยว นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่จะมีการออกวีซ่าแบบ Multiple นี้ โดยจะออกให้กับบุคคลสัญชาติไทยที่พำนักอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น และมีจุดประสงค์ที่จะไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อการท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ และอื่นๆ โดยเป็นผู้ที่เคยได้รับวีซ่า และเคยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา หรือผู้ที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง<br />
<br />
ดูรายละเอียดได้ที่นี่: <a href="http://www.th.emb-japan.go.jp/th/consular/visaindex.htm" target="_blank">www.th.emb-japan.go.jp/</a><br />
......................................................................................................................................................Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-88596551586098729992012-02-06T07:22:00.006+07:002012-02-06T17:11:42.275+07:00ความเป็นมาของชาเขียวญี่ปุ่น (History of Japanese Green tea)<span style="font-weight: bold;">ในช่วงฤดูกาลของอากาศที่หนาวเย็นในช่วงนี้หากได้ดื่มชาเขียวร้อนๆ ซักถ้วยก็คงจะชื่นใจไม่น้อย ไม่เพียงแต่ประเทศญี่ปุ่นที่นิยมดื่มชาเขียวเท่านั้น ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกก็หันมานิยมดื่มชาเขียวกันเป็นจำนวนมากอีกด้วย ในประเทศไทยก็เหมือนกันการดื่มช</span><span style="font-weight: bold;">าเขียว หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของชาเขียวก็ได้รับการตอบรับที่ดีด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่ามีผลิ</span><span style="font-weight: bold;">ตภั</span><span style="font-weight: bold;">ณฑ์ต่างๆ ออกมาอย่างแพร่หลายเลยทีเดียว ที่ประเทศจีนเค้าดื่มชาเขียวกันเพราะพิสูจน์แล้วว่าสามารถรักษาโรคได้ และที่ประเทศญี่ปุ่นนอกจากเป็นสมุนไพรและชงดื่มในชีวิตประจำแล้ว คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ชาเขียว เป็นอะไรได้มากกว่านั้น</span><br /><br />มาทราบความเป็นมาคร่าวๆ ของต้นกำเนิดชาเขียวในประเทศญี่ปุ่นกันดีกว่า ญี่ปุ่นเรียกชาเขียวว่า <span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">เรียวคุชะ (Ryokucha , 緑茶)</span> เท้าความถึงการการค้นพบชา ในประเทศจีนก่อน โดยเริ่มต้นที่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เมื่อสมัยยุคเริ่มต้นของอารยธรรมมนุษย์ ประมาณห้าพันปีมาแล้ว ค้นพบโดยจักรพรรดิในตำนานของจีน<span style="font-weight: bold;"> เสินหนงสื่อ</span> ผู้ที่ไดัรบสมญานามว่า <span style="font-weight: bold;">เทพเจ้าของชาวนา</span> และยังเป็นผู้ที่ชอบค้นคว้ายาสมุนไพรต่างๆ อีกด้วย ด้วยความที่เป็นคนชอบดื่มน้ำต้มสุกอยู่เป็นประจำ มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ เสินหนงสื่อ กำลังนั่งเล่นอยู่แถวต้นชาในป่าเขา และกำลังต้มน้ำอยู่ ลมได้พัดใบชาร่วงหล่นลงมาในน้ำที่กำลังเดือดได้ที่ เมื่อเค้าลองดื่มดูก็เกิดความรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก และแล้วการดื่มชาในประทศจีนก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา<br /><br /><a href="http://1.bp.blogspot.com/-JutKlXlqos8/Ty-ClLJT98I/AAAAAAAADVA/Qdv0yylMe_U/s1600/health_benefits_greentea.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 264px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-JutKlXlqos8/Ty-ClLJT98I/AAAAAAAADVA/Qdv0yylMe_U/s400/health_benefits_greentea.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5705922828060325826" border="0" /></a>และการเข้ามาของชาในประเทศญี่ปุ่นนั้น เริ่มในสมัยตอนต้นยุคเฮอัน ในสมัยนั้นจีนและญี่ปุ่นเริ่มมีการติดต่อทางด้านศาสนาพุทธและวัฒนธรรมกันบ้างแล้ว นักบวชญี่ปุ่นได้เดินทางไปเป็นทูตเรียนรู้เรื่องต่างๆ จากประเทศจีนรวมทั้งการศึกษาตัวยาสมุนไพรจากจีนอีกด้วย เพราะฉะนั้น ชา จึงเข้ามาครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นโดยพระสงฆ์นั่นเอง เริ่มจากนักบวช <span style="font-weight: bold;">Eichu </span>จากวัด <span style="font-weight: bold;">Bonshakuji </span>จังหวัดไอจิ ได้นำชาอัดแข็ง (ต้องฝนกันหินก่อนแล้วใส่น้ำร้อนถึงจะดื่มได้ ) และเมล็ดชาจำนวนไม่มาก เข้ามาที่ญี่ปุ่นก่อน เมื่อจักรพรรดิ Saga ได้เข้ามาเยี่ยมพระ Eichu ที่วัด พระ Eichu จึงชงชาใส่ถ้วยนำมาถวาย เมื่อองค์จักรพรรดิได้ดื่มชาก็เกิดความประทับใจในรสชาติ จึงสั่งให้นำเมล็ดชาไปปลูกที่สวนสมุนไพรในบริเวณราชวัง ชาได้แพร่หลายในแถบภูมิภาคคินคิ เกียวโต แต่ความนิยมยังอยู่ในเฉพาะกลุ่มชนชั้นสูงเท่านั้น<br /><br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/--Yt4HgWK9Jc/Ty-CQZwzpoI/AAAAAAAADU0/ve_PeI4tPxk/s1600/Japanese-Green-Tea.png"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 266px;" src="http://2.bp.blogspot.com/--Yt4HgWK9Jc/Ty-CQZwzpoI/AAAAAAAADU0/ve_PeI4tPxk/s400/Japanese-Green-Tea.png" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5705922471206823554" border="0" /></a>ต่อมาในช่วงตอนต้น ยุคคามาคุระ นักบวช <span style="font-weight: bold;">Eisai </span>ผู้ก่อตั้งนิกาย <span style="font-weight: bold;">Ri</span><span style="font-weight: bold;">nzai </span>หนึ่งในพุทธศาสนาเซน ได้นำเมล็ดชามาจากจีนเป็นจำนวนมากพร้อมกับกรรมวิธีการผลิตชากลับมาด้วย นั่นก็คือการดื่มชาในสไตล์ <span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">Matcha </span>นั่นเอง นักบวช Eisai ได้ส่งเสริมการเพาะปลูกชาเพื่อใช้เป็นสมุนไพรให้แพร่หลายมากขึ้น และ มีประโยคหนึ่งในหนังสือที่เค้าเขียนไว้ว่า <span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">“ชาเป็นพื้นฐานทางจิตใจและเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ดีที่สุด ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็มและมีความสมบูรณ์มากขึ้น”</span> เริ่มมีการค้นคว้าสรรพคุณของชา ที่ช่วยดับกระหายได้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และช่วยล้างพิษด้วยการขับสารพิษออกทางปัสสาวะอีกด้วย สมัยนั้นนักบวช Eisai ได้แนะนำให้โชกุน มินาโมโตะ ซาเนะโมโตะ ที่ทนทุกข์ทรมานจากการดื่มสุราอย่างหนัก ได้ลองดื่มชาและอาการของโชกุนก็หายไปในที่สุด ต่อมา นักบวช Eisai ก็ได้เดินทางเพื่อออกเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับชาไปทั่วญี่ปุ่น จากนั้นชาจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งพิธีกรรมบางอย่างและใช้เพื่อการรักษาโรค และยังเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มเพื่อสุขภาพกันมากขึ้นอีกด้วย<br /><br /><a href="http://3.bp.blogspot.com/-D5pcACFVMCA/Ty-DLnlfwGI/AAAAAAAADVM/Kw0nGosxjUQ/s1600/Sen_no_Rikyu_JPN.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 176px; height: 400px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-D5pcACFVMCA/Ty-DLnlfwGI/AAAAAAAADVM/Kw0nGosxjUQ/s400/Sen_no_Rikyu_JPN.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5705923488529760354" border="0" /></a>ต่อมาในสมัยยุคมุโระมาจิ เริ่มมีพิธีชงชาในแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่นแล้ว เรียกว่า <span style="font-weight: bold;">Chanoyu </span>และในยุคนี้การชงชานั้นเริ่มมีการผสมผสานทางด้านความคิดจิตวิญญาณ การสร้างสรรค์ศิลปะในแบบธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว และเริ่มมีการลงรายละเอียดในภาชนะที่ใช้ในพิธีชงชา รวมไปถึงการเสิร์ฟชาเขียวในร้านอาหารอีกด้วย การดื่มชายังเป็นที่นิยมในงานพบปะสังสรรค์ของชนชั้นนักรบมากขึ้น แต่เป็นการดื่มชาเพื่อเล่นเกมส์ทายปัญหาต่างๆ เพื่อชิงรางวัลเป็นเหล้าสาเก และมีการร้องเล่นเต้นรำไปด้วย ต่อมานักบวชเซน Shuko Murata ไม่เห็นด้วยกับการดื่มชาเพื่อความสนุกสนานเช่นนั้น เขาคิดว่า โลกแห่งความเรียบง่ายของเซนนั้นมีแนวคิดแตกต่างออกไปในการดื่มชา การดื่มชาด้วยความเรียบง่ายและมีสมาธิในแบบของเซนจะช่วยให้จิตใจสามารถพัฒนาขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ นักบวชจึงออกแบบห้องพิธีชงชาขนาดเล็ก เพื่อใช้สนับสนุนการชงชาตามอุดมคติของนักบวช Eisai และในขณะที่ชงชานั้นก็ได้ผสมผสานจิตวิญญาณของพุทธศาสนานิกายเซนไปด้วย<br /><br />และ<span style="font-weight: bold;">ผู้ที่วางแผนและให้กำเนิดประเพณีการชงชาในแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างแท้จริงก็คือ Sen Rikyu</span> เขาได้เป็นประธานพิธีชงชาหลายต่อหลายงานที่ใช้งบในพิธีอย่างฟุ่มเฟือยในสมัยโชกุน โนะบุนะงะ โอดะ และสืบต่อมาในสมัยโชกุน โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ในสมัยนี้ชาเริ่มมีส่วนเกี่ยวข้องกับแนวคิดในด้านศิลปะหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาต่างๆ การออกแบบสวนญี่ปุ่น และอาหารญี่ปุ่น<br /><br />ต่อมาในสมัยยุคเอโดะ พิธีชงชาและการดื่มชาเริ่มมีการขยายวงกว้างลงมาถึงชนชั้นล่างมากขึ้น แต่กระนั้นเมื่อถึงการเก็บเกี่ยวชาที่ดีที่สุดในช่วงแรกของปีก็ต้องส่งมอบให้กับชนชั้นซามูไรก่อน ส่วนชาที่ชาวบ้านดื่มกันจะเป็นชาที่เก็บเกี่ยวในครั้งต่อมาคุณภาพก็จะด้อยลงมา<br /><br />ต่อมาในสมัยยุคเมจิ การผลิตชามีมากขึ้น มีหนังสือเทคนิคต่างๆ ออกมาอย่างแพร่หลาย เริ่มมีเครื่องจักรเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต และเริ่มมีการส่งออกชาไปยังต่างประเทศแล้ว และปริมาณการส่งออกยังเป็นที่สองรองจากประเทศจีนอีกด้วย แม้การส่งออกจะกระท่อนกระแท่นไปบ้างในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะตอนนั้นชาดำเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในต่างประเทศ และไม่นานในศตวรรษที่ 20 ชาเขียวก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทั้งประเทศญี่ปุ่นและแพร่หลายออกมาทั่วโลกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน<br /><br />......................................................................................................................................................<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">เกร็ดความรู้เกี่ยวกับชาเล็กๆ น้อยๆ ชาเขียว ชาอูหลง และชาดำ แตกต่างกันอย่างไร ?</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">- ชาเขียว</span> หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วจะนำใบชามาอบไอน้ำด้วยอุณหภูมิสูงทันที เพื่อทำให้ใบชาแห้ง ใบชาที่ได้จากการอบจะยังคงมีสีเขียวและคงคุณค่าสารอาหารได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเหตุนี้ ชาเขียว จึงเป็นที่นิยมมากในการดื่มเพื่อสุขภาพเพื่อช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งและล้างสารพิษในร่างกายได้อีกด้วย<br /><br /><span style="font-weight: bold;">- ชาอูหลง</span> หลังเก็บเกี่ยวจะนำใบชามาตากแดดจนเป็นสีน้ำตาล ทำให้ใบชาเกิดกระบวนการหมักตัวทำให้มีรสชาติและกลิ่นหอมเข้มข้น เป็นชาที่ไม่มีรสชาติและไม่มีน้ำตาล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก<br /><br /><span style="font-weight: bold;">- ชาดำ</span> หลังเก็บเกี่ยวจะนำใบชามาไปบดด้วยลูกกลิ้งก่อน อบด้วยไอน้ำหรือเป่าด้วยความร้อน และนำไปตากแดดจนเป็นสีดำ นำมาบดหรือหั่นก็ได้ การดื่มชาดำยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ด้วย<br /><br />......................................................................................................................................................<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: <a target="_blank" href="http://www.marumura.com/food/?id=2298">http://www.marumura.com/food/?id=2298</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-81704884413354309722011-12-28T12:03:00.022+07:002011-12-28T12:03:00.361+07:008 สิ่งที่คนญี่ปุ่นนึกถึงช่วงวันปีใหม่ (Things to see during New year in Japan)<span style="color: rgb(153, 153, 153);font-size:85%;" >เรื่องโดย : The 8th Ronin</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">あけましておめでとうございます!(Akemashite omedetou gozaimasu)</span><br />ก่อนที่จะกล่าวประโยคข้างบน ซึ่งแปลว่า<span style="font-weight: bold;"> "สวัสดีปีใหม่"</span> ได้เต็มปากเต็มคำ รู้หรือเปล่าว่าพอถึงปีใหม่คนญี่ปุ่นเขานึกถึงอะไรกันบ้าง อ๊ะ! ขอแบบเป็นงานเป็นการกันหน่อยนะ ประมาณว่า...ควงแฟนไปสวีทบนหอคอยโตเกียวทาวเวอร์ อันนั้นเอาเก็บไว้คุยกันรอบหน้า^^<br /><br />ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (ประมาณกลางเดือนธ.ค. ถึงกลางเดือนมกราคม) เราจะได้เห็นสิ่งของที่ไม่ค่อยชินตาคนไทยส่วนใหญ่หลายอย่าง รวมถึงกิจกรรมอีกหลายรูปแบบที่คนญี่ปุ่นจะทำกันในช่วงนี้<span style="font-weight: bold;"> ขอเสนอ 8 สิ่งที่เราจะเห็นในญี่ปุ่นช่วงปีใหม่</span><br /><br />The New Year is the most important annual festival in Japan. It is ususlly celebrated between 1st and 7th January. During this period, numerous traditional customs are observed and delightful events are held. Below are some of the scenes that are seen during the period all over Japan. Have you seen any of them? How many do you know? If you know all of them, then you can be called a "Japan expert".<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-Kgc66aM-ohI/TvGWBapjC9I/AAAAAAAADGg/IBWQ3hvpHTs/s1600/Kadomatsu-%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B6.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 189px; height: 266px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-Kgc66aM-ohI/TvGWBapjC9I/AAAAAAAADGg/IBWQ3hvpHTs/s400/Kadomatsu-%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B6.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688492755423267794" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">1. อย่างแรกเป็นของประดับบ้านช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่นเรียกว่า Kadomatsu (門松)</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">Kadomatsu</span> ทำจากไม้ไผ่และกิ่งสน อาจจะเพิ่มเติมสิ่งของมงคลอย่างอื่นไปบ้างแล้วแต่รสนิยมของแต่ละท้องถิ่น แต่โคโดมัตสึจะถูกจัดวางไว้สองฟากฝั่งประตู บริเวณทางเข้าบ้าน หรืออาคารสำนักงาน เพื่อต้อนรับเทพเจ้าแห่งวันปีใหม่ที่จะนำความสุขและความโชคดีลงมาสู่โลกมนุษย์ในปีใหม่<br /><br /><span style="font-weight: bold;">Kadomatsu</span> is a pair of columns made of bamboo and pine branches placed at both sides of the gate for the New Year. They are so placed as a mark through which the god of the year comes down into this world with luck and good health.<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-r5UFCXFnpOc/TvGWBnry2hI/AAAAAAAADHE/7tlsgLMIWxE/s1600/kagamimochi.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-r5UFCXFnpOc/TvGWBnry2hI/AAAAAAAADHE/7tlsgLMIWxE/s400/kagamimochi.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688492758922353170" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">2. ของแต่งบ้านช่วงปีใหม่นั้นก็มีอีกอย่าง เรียกว่า Kagamimochi (鏡餅)</span><br /><br /><a href="http://japanesefoodsguide.blogspot.com/2011/09/mochi-type-of-mochi.html"><span style="font-weight: bold;">Kagamimochi</span></a> เป็นของแต่งบ้านปีใหม่ ที่ทำออกมาเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งวันปีใหม่ โดยจะจัดวางไว้ที่ Tokonoma ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่ถูกจัดไว้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้าน Kagamimochi นั้นจะมีโมจิกลมๆ สองลูกวางซ้อนกันอยู่ (ตัวแทนพระจันทร์กับพระอาทิตย์) เมื่อพ้นช่วงปีใหม่ไป ประมาณวันที่ 11 มกราคม โมจิทั้งสองลูกก็จะถูกกินเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับคนในบ้าน<br /><br /><span style="font-weight: bold;">Kagamimochi </span>is a layer of two round-shaped rice cakes, symbolizin the moon and the sun each, made as an offering to the god of the year. They are placed at the household altar or the Tokonoma (an alcove), a highly respected place in a Japanese house. They are belived to give power and are eaten after being romoved on 11th January.<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-gVhvx4zCa0c/TvGWBpVI9mI/AAAAAAAADGw/P-Ztc9K-j_w/s1600/fukubukuro.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 249px; height: 310px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-gVhvx4zCa0c/TvGWBpVI9mI/AAAAAAAADGw/P-Ztc9K-j_w/s400/fukubukuro.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688492759364204130" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">3. อย่างต่อมา นักช้อปทั้งหลายคงจะชอบ เรียกว่า Fukubukuro (福袋)หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Lucky Bags (ถุงนำโชค) นั่นเอง</span><br /><br />Fukubukuro ส่วนใหญ่จะรวมสินค้าหลายๆ อย่างไว้ภายใน ผู้ซื้อจะไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่บ้าง แต่มูลค่าของสินค้ามักจะมากกว่าราคาที่จ่ายไป 2 - 3 เท่า (จากราคาขายปลีก) ปกติก็จะมีการจำหน่ายเจ้าถุงนำโชคนี่กันในวันที่ 2 หรือ 3 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ห้างร้านต่างๆ เปิดเป็นวันแรกของปี ซึ่งก็ดีเพราะลูกค้าจะได้มีโอกาสลุ้น "โชคดี" ของตัวเองรับปีใหม่กันด้วย<br /><br /><span style="font-weight: bold;">Fukubukuro</span>, literally means "lucky bag", are grab bags usually sold on 2nd or 3rd January when department stores or shops open for the first time in the New Year. The contents are random and unknow but have items twice or even three times the value of the retail price. A lot of Japanese buy them to get "luck"!<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/-Yb0WCpUagGI/TvGWBpvZQlI/AAAAAAAADGo/3CnqpzXW3YY/s1600/japanese-osechi-ryori.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-Yb0WCpUagGI/TvGWBpvZQlI/AAAAAAAADGo/3CnqpzXW3YY/s400/japanese-osechi-ryori.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688492759474324050" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">4. อย่างที่สี่ เข้าสู่หมวดของกินกันแล้ว เรียกว่า <a href="http://japanesefoodsguide.blogspot.com/2010/12/o-sechi-and-o-zoni-japanese-new-years.html">Osechi-ryori</a> (お節料理)</span><br /><br />อาหารปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น เพื่อนำโชคดีและสุขภาพแข็งแรงมาให้ในปีใหม่ แต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นก็จะมีสไตล์เป็นของตัวเอง ส่วนประกอบของอาหารแต่ละอย่างก็จะมีความหมายดีๆ พิเศษๆ ทั้งนั้น ซึ่งอาหารจะถูกจัดวางอย่างสวยงามภายในกล่องอาหาร อาจจะเป็นกล่องใหญ่ชั้นเดียว หรือขนาดย่อมๆ หน่อยแต่หลายชั้นก็ได้ เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวรวมถึงแขกที่มาอวยพรปีใหม่ได้รับประทานร่วมกัน<br /><br /><a href="http://japanesefoodsguide.blogspot.com/2010/12/o-sechi-and-o-zoni-japanese-new-years.html"><span style="font-weight: bold;">Osechi-ryori</span></a> is special foods eaten with a wish for luck and good health for the year. Each region and family gas its own style and contents but each ingredient has its own good meanings. All items are put beautifully in a multi-tiered box and are served not only family members but also guests coming for New Year's greetings.<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-YXaImNJ5o0I/TmSk1V3YwoI/AAAAAAAAB6I/jl-mRpmIFQY/s1600/Zoni-soup-2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 272px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-YXaImNJ5o0I/TmSk1V3YwoI/AAAAAAAAB6I/jl-mRpmIFQY/s1600/Zoni-soup-2.jpg" alt="Zoni soup" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648821068938920578" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">5. อย่างที่ห้า ยังคงเป็นอาหารมงคลช่วงปีใหม่ เรียกว่า <a href="http://japanesefoodsguide.blogspot.com/2011/09/mochi-type-of-mochi.html">Zoni</a> (雑煮)</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">Zoni</span> เป็นซุปโมจิใส่เนื้อไก่ ปลาและผักต่างๆ ส่วนประกอบและรสชาติก็จะต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ (แต่แอบส่วนตัวนิ๊ดนึง ก็ถ้าเป็นอาหารมงคลช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่น จะชอบกินเส้นโซบะปีใหม่ที่เรียกว่า โทชิโคชิโซบะ (Toshikoshi soba 年越し蕎麦) มากกว่า มีความหมายดีเหมือนกัน ประมาณว่าเจริญรุ่งเรืองและอายุยืนยาวนาน เรื่องของเรื่องก็คือเราว่ามันกินง่ายกว่าซุปโมจิอ่ะ^^)<br /><br /><span style="font-weight: bold;">Zoni</span> is a rice cale soup prepared with chicken, fish and vegetables. There are tremendous variations according to regions. Generally speaking, however, Zoni with square-shaped rice cake in clear soup is preferred in eastern Japan, while Zoni with round-shaped rice cakes in Miso soup iseaten in western Japan.<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-PiP2M2AUoms/TvGcnG1oxdI/AAAAAAAADHc/QFUkdqfVjkM/s1600/Nengajo_%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25AA-%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-PiP2M2AUoms/TvGcnG1oxdI/AAAAAAAADHc/QFUkdqfVjkM/s400/Nengajo_%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25AA-%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688500000010061266" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">6. อย่างต่อไป มารู้จักกับ ส.ค.ส ฉบับญี่ปุ่นกันบ้าง เรียกว่า Nengajo (年賀状)</span><br /><br />อันที่จริง Nengajo ก็เป็นการ์ดธรรมดาๆ ที่ส่งไปอวยพรปีใหม่ให้กับญาติพี่น้อง เพื่อน และเจ้านายนั่นแหล่ะ ชาวญี่ปุ่นจะส่งการ์ดนี้กันก่อนสิ้นเดือนธันวาคม แต่จุดเด่นของ <span style="font-weight: bold;">Nengajo</span> ก็คือทางไปรษณีย์เขาจะรีบจัดส่งให้ถือมือผู้รับทั้งหมดในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งคงจะทำให้ผู้รับมีความสุขกับคำอวยพรปีใหม่กันมากทีเดียว แถมบน Nengajo แต่ละใบก็จะมีตัวเลขกำกับอยู่ด้วย ใครโชคดีอาจจะถูกรางวัลพิเศษได้โชคใหญ่รับปีใหม่เลยก็ได้ (ส.ค.ส. แบบนี้อยากได้กันใช่มั้ยล่ะ)<br /><br /><span style="font-weight: bold;">Nengajo</span> is a card exchanged among relatives, friends and bosses as greetings for the New Year. People post them by the end of December so that they arrive at the destination on 1st January.<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-4JhZdsqpWoM/TvGdawXTvgI/AAAAAAAADHo/CFYZZkou0lw/s1600/otoshidama.gif"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 286px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-4JhZdsqpWoM/TvGdawXTvgI/AAAAAAAADHo/CFYZZkou0lw/s400/otoshidama.gif" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688500887330471426" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">7. อย่างที่เจ็ดนี้ เด็กๆ จะชอบกันมาก เรียกว่า Otoshidama (お年玉)</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">Otoshidama</span> ก็คือเงินปีใหม่ ประมาณอั่งเปาของชาวจีน เด็กๆ จะได้รับจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือลุงป้าน้าอา เป็นเงินรางวัลที่ปีที่แล้วเป็นเด็กดี และหวังว่าปีใหม่จะทำตัวเป็นเด็กดียิ่งๆ ขึ้นไป อารมณ์ก็จะประมาณนั้น...<br /><br /><span style="font-weight: bold;">Otoshidama</span> is a New Year's money gift givento children by their parents, grandparents and relatives. This is originally concerned with the custom of giving Kagamimochi out tu children, hoping that they can attain power for the year.<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/-OhtIz8e07sQ/TvGeBjiTF6I/AAAAAAAADH0/XriEzVjWrBY/s1600/Hatsumode.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 240px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-OhtIz8e07sQ/TvGeBjiTF6I/AAAAAAAADH0/XriEzVjWrBY/s400/Hatsumode.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688501553901803426" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);">8. อย่างสุดท้ายนี้ ใครๆ ก็ทำกันช่วงปีใหม่ นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็ไม่พลาด นั่นคือ Hatsumode (初詣)</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">Hatsumode</span> ก็คือการไปวัดหรือศาลเจ้าเพื่อขอพรปีใหม่นั่นเอง ใครอยากให้ปีใหม่เป็นปีที่ดี มีโชค มีลาภ สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จะขออะไรก็จัดหนักกันไปตั้งแต่วันปีใหม่เลย ซึ่งศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นนิยมไปขอพรปีใหม่กันมาก ก็เห็นจะเป็นศาลเจ้าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu) รวมถึงศาลเจ้าอิซุโมะ (Izumo Taisha) และศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)<br /><br /><span style="font-weight: bold;">Hatsumode</span> is a New Year's visit to a shrine or temple. Pepple do this to pray for luck and good health for the year. Some shrines such as Ise Jingu, Izumo Taisha and Meiji Jingu are packed with visitors during the new year.<br /><br /><br />เห็นได้ชัดว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้าทำแล้วจะปัดเป่าโชคร้าย นำสิ่งดีๆ และความสุขมาให้ทีนี้ ถ้าได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงปีใหม่ เราก็จะ enjoy กับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่เต็มอารมณ์แล้วละนะ ขอให้ あけましておめでとうございます! กันถ้วนหน้าจ้ะ<br /><br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit:<br /><a target="_blank" href="http://campus.sanook.com/944917/8-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88/">http://campus.sanook.com/</a><br /><a target="_blank" href="http://yokosoen001.clublog.jp/e25422.html">http://yokosoen001.clublog.jp/</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-88178451461434674872011-12-21T15:38:00.002+07:002011-12-21T16:30:02.004+07:00โซเมน - SOMEN (そうめん)บะหมี่ญี่ปุ่นใช่ว่าจะมีแต่เส้นเหนียวนุ่มกับน้ำซุปร้อนๆ ที่นอกจากอร่อยแล้วยังให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายได้ด้วย ความหลาก หลายของบะหมี่ญี่ปุ่นนั้นมากมายกว่าที่คิดนะ และตอนนี้กำลังจะเข้าช่วงซัมเมอร์แล้ว อากาศที่ญี่ปุ่นเวลาฤดูร้อนก็ร้อนมากเชียวล่ะ เพราะฉะนั้นบะหมี่ที่นิยมทานกันในช่วงซัมเมอร์ก็มีเหมือนกัน เรียกว่า <span style="font-weight: bold;">โซเมน</span> หรือ <span style="font-weight: bold;">หมี่เย็น</span> หน้าตาเป็นยังไงมาดูกันดีกว่า<br /><br /><span style="font-weight: bold;">โซเมน - SOMEN (そうめん)</span> มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมากพอสมควร เริ่มมีการเพาะปลูกข้าวสาลีในสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิ์องค์ที่สิบของญี่ปุ่น และมีการคิดค้นบะหมี่ต้นตำรับของชาวญี่ปุ่นออกมา ก็คือโซเมนเนี่ยแหละ โดยยุคแรกๆ นั้นเริ่มมาจาก มิวะโซเมน แถบมิวะ ในจังหวัดนารา และขยายผลไปทั่วญี่ปุ่น จึงมีการผลิตเส้นโซเมนในหลายพื้นที่ของญี่ปุ่น เส้นโซเมนจะคล้ายกับขนมจีนบ้านเรา เส้นสีขาวนวล ขนาดบางสุดก็ 1.3 มิลลิเมตร จะเล็กกว่าบะหมี่อย่างอื่นทั้งหมด<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/-_bLCpxTABGw/TvGk79rYW-I/AAAAAAAADIA/5cKt4ghPfy4/s1600/somen-soumen-noodle.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 266px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-_bLCpxTABGw/TvGk79rYW-I/AAAAAAAADIA/5cKt4ghPfy4/s400/somen-soumen-noodle.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688509154421398498" border="0" /></a>มาดูวิธีการผลิตโซเมนจากมิวะ ที่พิถีพิถันมากในการผลิตเส้นโซเมนออกมา โซเมนทำจากข้าวสาลี น้ำบริสุทธิ์ และอุณหภูมิการตากแผ่เส้นนั้นต้องไม่ร้อน อากาศพอดีๆ จึงจะได้เส้นที่สมบูรณ์ออกมาจำหน่าย<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-afBkuIsj1NU/TvGlg-__p1I/AAAAAAAADIU/Ys2HUa96Y-U/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2595-soumen.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 400px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-afBkuIsj1NU/TvGlg-__p1I/AAAAAAAADIU/Ys2HUa96Y-U/s400/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2595-soumen.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688509790431455058" border="0" /></a>เส้นโซเมนมีหลากสีมี ชาเขียวโซเมน อิจิโกะโซเมน อุเมะโซเมน สาเกโซเมน อะโกะโซเมน สีสวยน่ากินทั้งนั้นเลย<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-aeVVb85dnwQ/TvGlg8sXG8I/AAAAAAAADIM/PO1OIeA08kg/s1600/Soumen-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 305px; height: 400px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-aeVVb85dnwQ/TvGlg8sXG8I/AAAAAAAADIM/PO1OIeA08kg/s400/Soumen-%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688509789812235202" border="0" /></a>ขั้นตอนการต้มเส้นโซเมงก่อนนำไปประกอบอาหาร ตั้งน้ำ ใส่เส้น รอให้เดือด ยกเส้นลงมาเทน้ำร้อนออก ยีเส้นไม้ให้ติดกัน ง่ายใช่มั้ยล่ะ เส้นโซเมนสามารถดัดแปลงได้หลายเมนู ส่วนโซเมนที่มาพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ ที่ทานในฤดูหนาวเรียกว่า นิวเมน<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-JZTXQR_ck6M/TvGmrIJmf3I/AAAAAAAADIk/l1pU7aQcIlU/s1600/somen-nagashi.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 266px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-JZTXQR_ck6M/TvGmrIJmf3I/AAAAAAAADIk/l1pU7aQcIlU/s400/somen-nagashi.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5688511064197988210" border="0" /></a>โซเมนที่ไหลไปตามไม่ไผ่ ในร้านอาหารเรียกว่า <span style="font-weight: bold;">โซเมน นากาชิ</span> การทานอย่างนี้ต้องใช้ความชำนาญในการคีบเส้นขึ้นมาหน่อยนะ เพราะว่าเส้นโซเมนจะถูกไหลมาตามน้ำเย็นตามรางไม้ไผ่ยาวผ่าครึ่ง และมีการกำหนดเวลาในการรับประมานโซเมนจึงจำเป็นจะต้องใช้วิทยายุทธในการหนีบกันละทีนี้ ทานลำบากแต่ท่าทางจะสนุกนะเนี่ย เมื่อคีบได้แล้ว หมี่เย็นต้องทานคู่กับ ซอสทสึยุ หรือซอสหวาน อร่อยเหาะดับร้อนได้อย่างดีเชียวนะ แต่สมัยนี้มีเครื่องหมุนเวียนโซเมนฉบับมินิจำหน่ายแล้ว ลดความกังวลเรื่องเวลาไปได้เยอะเลย ทานกับครอบครัว กลุ่มเพื่อนๆ แล้วพกพาไปไหนมาได้ ดีจริงๆ หรือถ้าหากอยากทำโซเมนเองภายในบ้านแบบสัมผัสกับธรรมชาติหน่อย ก็หาไม้ไผ่ติดตั้งทำเองเลยก็ได้<br /><br />หลายพื้นที่ในญี่ปุ่นการกินโซเมงเป็นการกินเฉลิมฉลองในโอกาสต่างๆ เช่นงานแต่ง งานพบปะ งานประจำปี เพราะอาหารจากข้าวสาลีให้พลังงานและเป็นสิริมงคลอีกด้วยนี่เป็นความเชื่อดั้งเดิมมาแต่โบราณของญี่ปุ่น ใครจะไปญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อนอย่าลืมแวะชิมโซเมง คลายร้อนกันด้วยนะ ถ้ามีซอสทสึยุร้านไหนอร่อยก็มาบอกต่อด้วยนะ...<br /><br /><br /><br />credit: <a target="_blank" href="http://www.marumura.com/food/?id=1151">http://www.marumura.com/food/?id=1151</a>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-70147870983530819862011-12-06T12:18:00.012+07:002011-12-06T16:01:22.797+07:0010 อันดับช็อกโกแลตยอดนิยมตลอดกาลในญี่ปุ่น<span style="font-weight: bold;">Top 10 Most Popular chocolate in Japan</span><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 10 Almond Chocolate จาก Glico アーモンドチョコレート</span><br />เป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายมาตั้งแต่ปี 1958 เป็นขนมที่ทำให้คนญี่ปุ่นได้รู้จักกับความอร่อยของ <span style="font-weight: bold;">“อัลมอนด์”</span> กันอย่างแพร่หลาย แล้วก็ได้รับการพัฒนารสชาติ และบรรจุภัณฑ์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-qt_UNk0U1RM/Tt3W6BBq0aI/AAAAAAAACzI/lJHQgOKlT98/s1600/Top10-Glico-Almond-Chocolate.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 209px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-qt_UNk0U1RM/Tt3W6BBq0aI/AAAAAAAACzI/lJHQgOKlT98/s400/Top10-Glico-Almond-Chocolate.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934597007626658" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 9 Meiji Milk Chocolate (明治ミルクチョコレート)</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1926 เป็นขนมช็อกโกแลต ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างโกโก้คัดพิเศษกับนม นอกจากรับประทานเป็นขนมทานเล่นแล้ว <span style="font-weight: bold;">คนญี่ปุ่นยังนิยมนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำขนมเค้กช็อกโกแลตชนิดต่างๆ อีกด้วย</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/-zmbDktYyaRw/Tt3W6ZeAv1I/AAAAAAAACzQ/1hcPtox1Q2I/s1600/Top9-Meiji-Milk-Chocolate.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 231px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-zmbDktYyaRw/Tt3W6ZeAv1I/AAAAAAAACzQ/1hcPtox1Q2I/s400/Top9-Meiji-Milk-Chocolate.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934603568955218" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 8 Choco Flake ของ Morinaga (チョコフレーク)</span><br />มีวางขายมาตั้งแต่ปี 1967 เป็น Corn Flake เคลือบช็อกโกแลต ที่จะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติหวานหอมของช็อกโกแลตและความกรอบของ Corn Flake ไปพร้อมๆ กัน<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-PFnDZbGrtpA/Tt3W6W8XLiI/AAAAAAAACzg/oN1gTdF0zpQ/s1600/Top8-Choco-Flake-Morinaga.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 351px; height: 319px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-PFnDZbGrtpA/Tt3W6W8XLiI/AAAAAAAACzg/oN1gTdF0zpQ/s400/Top8-Choco-Flake-Morinaga.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934602890948130" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 7 Choco Ball จาก Morinaga (チョコボール)</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1965 เป็นขนมช็อกโกแลตขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร มีไส้ต่าง ๆ เช่น ไส้ถั่ว นม คาราเมล สตอเบอร์รี่ บิสกิต ฯลฯ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-rZKZIr4OYjo/Tt3W64iFxYI/AAAAAAAACzs/lSysKLl4H70/s1600/Top7-Choco-Ball-Morinaga.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-rZKZIr4OYjo/Tt3W64iFxYI/AAAAAAAACzs/lSysKLl4H70/s400/Top7-Choco-Ball-Morinaga.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934611907560834" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 6 Apollo Chocolate จาก Meiji アポロチョコレート</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1969 มีช็อกโกแลตนมและช็อกโกแลตสตรอเบอร์รี่เป็นส่วนผสมหลัก แต่ถ้าไปแถบ Kansai ก็อาจจะได้ลิ้มลองรสชาเขียวหรือถ้าไปแถบ <span style="font-weight: bold;">Hokkaido</span> ก็จะมีรสเมล่อน วางขายเป็นสินค้าพิเศษด้วยส่วนชื่อแล้วก็ดีไซน์ของสินค้านี้ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ยาน Apollo 11 ของอเมริกานั่นเอง เนื่องจากกระแสข่าวของ Apollo 11 ดังมากในช่วงนั้นพอดี<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/-K0dum5taAVw/Tt3W7WoUXrI/AAAAAAAACz4/tmv78OcagPI/s1600/Top6-Apollo-Chocolate-Meiji.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 180px; height: 400px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-K0dum5taAVw/Tt3W7WoUXrI/AAAAAAAACz4/tmv78OcagPI/s400/Top6-Apollo-Chocolate-Meiji.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934619986747058" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 5 Kinoko No Yama จาก Meiji (きのこの山)</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1975 เป็นขนมช็อกโกแลตที่เกิดจากไอเดียของพนักงานในบริษัท Meiji เอง ที่อยากลองกินขนมปัง Cracker กับ Apollo Chocolate ก็เลยเกิดการพัฒนามาเป็น ช็อกโกแลตรูปเห็ดในที่สุด (Kinoko ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “เห็ด”) โดยโคนเห็ดทำจากขนมปังกรอบ Cracker ส่วนหัวเห็ดนั้นเป็นช็อกโกแลตขมที่เคลือบช็อกโกแลตนมอีกที<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-pSKUbYp0pKU/Tt3XG0-lJvI/AAAAAAAAC0E/gQt-C55ZdcE/s1600/Top5-Kinoko-No-Yama-Meiji.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 184px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-pSKUbYp0pKU/Tt3XG0-lJvI/AAAAAAAAC0E/gQt-C55ZdcE/s400/Top5-Kinoko-No-Yama-Meiji.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934817111746290" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 4 Crunky จาก LOTTE (クランキー)</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1974 เป็นขนมที่ทำจากช้อกโกแลตนมบวกกับความกรุบกรอบของเม็ดข้าวพอง<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-p0euatPTq44/Tt3XG3dzx_I/AAAAAAAAC0M/59tWFmZ3Hrs/s1600/Top4-Crunky-LOTTE.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 194px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-p0euatPTq44/Tt3XG3dzx_I/AAAAAAAAC0M/59tWFmZ3Hrs/s400/Top4-Crunky-LOTTE.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934817779599346" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 3 Tirol Choco チロルチョコ</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1962 ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ว่าอยากจะให้เด็กๆ ได้ลิ้มลองรสชาติของช็อกโกแลตแสนอร่อยในราคาย่อมเยา จึงวางขายในราคาชิ้นละ 10 เยน แล้วก็ขายดิบขายดีอย่างรวดเร็ว ต่อมาด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ราคาขายต้องอยู่ที่ 15 เยน แต่ด้วยความที่อยากจะคงราคาขายไว้ที่ 10 เยน ก็มีการเพิ่มส่วนผสมของ Nougat หรือว่าตังเมเข้าไปเพื่อให้ได้ราคา 10 เยนเหมือนเดิม แล้วก็ได้รสชาติใหม่ๆ ของขนมช็อกโกแลตขึ้นมาด้วย และแล้วในปี 1979 ด้วยวิกฤติกาณ์น้ำมันแพง ทำให้ต้องขาย Tirol Choco ในราคา 30 เยน ทำให้ยอดขายลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้น Tirol Choco จะมีชิ้นที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อให้ได้ราคา 10 เยนเหมือนเดิมอีกครั้งจึงได้แบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ 3 ชิ้น แล้วก็ขายในราคาชิ้นละ 10 เยนเหมือนเดิมจนได้ฉายาว่า <span style="font-weight: bold;">“10 yen Chocolate”</span> เรื่อยมา<br /><br />ต่อมาเมื่อระบบ Bar Code ถูกนำเข้าไปใช้ในญี่ปุ่น เพื่อให้ฉลากสามารถพิมพ์ Bar Code ได้จึงต้องปรับให้ Tirol Choco มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็เลยขายในราคา 20 เยน แต่ถ้าวางขายตามร้านโชว์ห่วยทั่วไปก็ยังคงมีราคา 10 เยนอยู่ แล้วก็มีขนาดใหญ่พิเศษถือเป็น Premium Size ก็จะมีราคา 30 เยน <span style="font-weight: bold;">สรุปแล้วก็คือมี 3 ราคา คือ 10, 20, 30 เยน และมีหลากหลายรสชาติให้เลือก</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-V6SaoKyTcNE/Tt3XHOLAYVI/AAAAAAAAC0Y/hJRWyxVPNww/s1600/Top3-Tirol-Choco.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 299px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-V6SaoKyTcNE/Tt3XHOLAYVI/AAAAAAAAC0Y/hJRWyxVPNww/s400/Top3-Tirol-Choco.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934823874748754" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" ><br />อันดับ 2 Koeda (小枝) จาก Morinaga</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1971 เป็นช็อกโกแลตแท่งเล็กๆ ที่มีข้าวพอง และอัลมอนด์เคลือบอยู่ถึง 2 ชนิด<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/-W0zoTwu4pbU/Tt3XHegO54I/AAAAAAAAC0k/Up1HfO4WFPw/s1600/Top2-Koeda-Morinaga.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 287px; height: 208px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-W0zoTwu4pbU/Tt3XHegO54I/AAAAAAAAC0k/Up1HfO4WFPw/s400/Top2-Koeda-Morinaga.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934828258748290" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 51, 0);font-size:130%;" >อันดับ 1 Takenoko No Sato (たけのこの里) จาก Meiji</span><br />วางขายตั้งแต่ปี 1979 เป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายต่อจาก Kinoko No Yama ต่างกันตรงที่ Kinoko No Yama จะใช้ Cracker ส่วน Takenoko No Sato นั้นจะเป็น Cookie (Takenoko ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “หน่อไม้”)<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://1.bp.blogspot.com/-6H-qy-IydMw/Tt3XHiNHnTI/AAAAAAAAC00/nj9QNvP3xqM/s1600/Top1-Takenoko-No-Sato-Meiji.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 178px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-6H-qy-IydMw/Tt3XHiNHnTI/AAAAAAAAC00/nj9QNvP3xqM/s400/Top1-Takenoko-No-Sato-Meiji.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5682934829252320562" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: <a target="_blank" href="http://www.marumura.com/top_japan/Index.php?id=1988">http://www.marumura.com/</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-49826687184965310642011-11-18T16:59:00.012+07:002011-11-18T18:00:22.297+07:00ปรับสมดุลย์ร่างกาย ด้วยอาหารญี่ปุ่นตามธาตุเกิดว่ากันด้วยเรื่องอาหารการกินทั้งคนไทยและญี่ปุ่น มักจะมีศิลปะเป็นของตัวเองแบบชัดเจน ตามความชอบ ตามภูมิอากาศ ตามประเพณีก็แล้วแต่นะค่ะ แต่ถ้าจะให้เข้ากับตัวเราหรือเหมาะมากที่สุด เพราะบางคนหาอะไรกินไม่เหมือนชาวบ้านเขา เช่นหนาวจะตายยังจะกินไอสครีมอีก ก็คนมันชอบอ่ะ กินแล้วก็ไม่เห็นเป็นไรนิ หรือมาที่เมืองนี้ต้องกินสิ่งนี้ แต่ดันจะกินแต่อาหารเดิมๆ อาหารบ้านเกิดตลอด ก็ได้ถ้าแถวนั้นมีก็ไม่ผิด บางคนโตจะตายอยู่แล้วยังไม่กินผักอีก ก็ต้องปล่อยเขาไป ตามความชอบ เอาเป็นว่าเรื่องของคุณ...<br /><br />แต่ที่จะบอกน่ะ เป็นลักษณะการกินตามธาตุของเดือนเกิดว่าถ้ากินแบบนี้แล้วจะดีก็คงกินมันอยู่นั่นแหละ แต่จะบอกว่าเอาแค่เฉพาะอาหารญี่ปุ่นแล้วกัน แค่ถ้าไปกินแล้ว..ก็สั่งมากินด้วย จะดีเรื่องสุขภาพ และลักษณะบุคลิกของเรา<br /><br /><div style="text-align: center;"><span style="font-weight: bold;font-size:130%;" >ปรับสมดุลย์ร่างกาย ด้วยอาหารญี่ปุ่นตามธาตุเกิด<br />(Healthy Body Balance with Japanese Food)<br /></span></div><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/-JSgqMYTazI0/TsYwSRAYSzI/AAAAAAAAClE/QQNOscHK2Y0/s1600/bentoJ.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 268px; height: 400px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-JSgqMYTazI0/TsYwSRAYSzI/AAAAAAAAClE/QQNOscHK2Y0/s400/bentoJ.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5676277470707862322" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);font-size:130%;" >เดือน กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน</span><br /><span style="font-weight: bold;">ธาตุไฟ</span> (ร้อนแรง เร่งรีบ) ออกจะเป็นคนเจ้าอารมย์นิดๆ <span style="font-weight: bold;">ทุกอย่างต้องดูดี ครบเครื่อง ประเภท all in one ควรจะกิน ชุดเบนโต เอาแบบครบทุกอย่าง ทั้งซุป เครื่องเคียง ปลาดิบ สลัด</span> แล้วแต่ความชอบเลย แถมสั่งมาทีแทบจะเต็มโต๊ะ ดูดีจริงๆ แต่จริงๆ แล้วที่ญี่ปุ่นมันก็แค่ข้าวกล่อง แต่ที่นี่ไม่ บางทีก็แบ่งปันได้ด้วย ก็มาซะเยอะไปหมด ดูมีน้ำใจขึ้นมาทันที จะเป็นที่ถูกใจคนรอบข้างไปด้วย แล้วที่ยังดีต่อสุขภาพอีกก็คือ ได้รับครบทั้ง 5 หมู่ เพราะธาตุไฟนั้นมักจะเลือกกินอะไรก็ได้ที่มันเร็วๆ คิดไม่ออกก็สั่งมันเป็นอยู่อย่างเดียวเช่น เคยกินปลาดิบหรือทงคัตสึก็จะสั่งมันอยู่นั้นแหละ แม้ว่าร่างกายจะเผาผลาญเนื้อสัตว์ได้ดี แต่หากกินไขมันที่ย่อยยาก จะทำให้มีความร้อนในร่างกายมากเกินไปจนป่วยไข้ได้<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-YSVk69i5quI/TsYxZxXwbZI/AAAAAAAAClQ/XFnBjwc2RNc/s1600/sashimi-%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B4.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 268px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-YSVk69i5quI/TsYxZxXwbZI/AAAAAAAAClQ/XFnBjwc2RNc/s400/sashimi-%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B4.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5676278699166559634" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);font-size:130%;" >เดือน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม</span><br /><span style="font-weight: bold;">ธาตุลม</span> (อ่อนไหว เรียบง่าย เข้าใจยาก) ดูสับสนยังไงไม่รู้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ขึ้นๆ ลงๆ เอาใจยาก หรือบางคนเอาแต่ใจซะด้วย <span style="font-weight: bold;">คนธาตุนี้ควรกินอาหารเผ็ดร้อน</span> ซึ่งถ้าเป็นอาหารไทยนั้นจะไม่ยาก แต่ถ้าเป็นอาหารญี่ปุ่นแล้วต้องดูดีๆ เพราะบางอย่างเผ็ดไม่จริง หรือต้องกินของเย็นๆ สดๆ ประกอบด้วย เช่น พวก<a href="http://japanesefoodsguide.blogspot.com/2010/10/what-is-wasabi.html"><span style="font-weight: bold;">วาซะบิ</span></a> กินเปล่าๆ คงไม่ไหว เอาเป็นว่าแค่เผ็ดร้อนก็พอ พวกแกงกะหรี่ต่างๆ ถึงจะถูกตามธาตุ จัดไป จะเนื้อ จะไก่ จะหมูก็ได้ แต่พวกนี้จะย่อยยากสำหรับคนธาตุลม และไม่ควรกินมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้ ทางที่ดีน่าจะเป็น ปลา หรือกุ้ง ดีกว่า แบบนานๆ กินทีเพื่อปรับธาตุในตัวให้สมดุลย์<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-sS1yUosceKw/TsYytMtHifI/AAAAAAAAClc/5A3ltP_Qno4/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7-green-tea..jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 322px; height: 274px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-sS1yUosceKw/TsYytMtHifI/AAAAAAAAClc/5A3ltP_Qno4/s400/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7-green-tea..jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5676280132433054194" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);font-size:130%;" >เดือน สิงหาคม กันยายน ตุลาคม</span><br /><span style="font-weight: bold;">ธาตุน้ำ</span> (นักคิด นิ่งเฉย รสนิยมดี) ดูๆ แล้วน่าฉลาดเลือก ในการกินมากที่สุดใน 4 ธาตุ แต่กลับมีปัญหามากที่สุด กับการกิน ก็เลือกมาก (เยอะ) ออกแนวลังเลในบางที จริงๆ ก็กินได้แทบจะทุกอย่าง แต่ไม่ให้เยอะเกินไปหรือถี่เกินไป รู้ว่าบางอย่างมีประโยชน์มากก็กินซะเกินพอดี ก็ต้องแนะนำว่า ถ้าจะกินอาหารญี่ปุ่น ก็ต้องกินของแพงๆ เข้าไว้ จะได้ไม่กินบ่อยๆ อะไรก็ได้ที่แพงๆ กินแล้วถ่ายรูปไว้ด้วยนะ จะได้บอกคนอื่นว่าไปกินมาแล้ว คราวนี้จะได้ไม่กินซ้ำอีก แต่ที่<span style="font-weight: bold;">ดีที่สุดก็คือ พวกชา ชาเขียว ชาเขียวผสมน้ำผึ้ง ผสมสมุนไพรต่างๆ ก็ยิ่งดี </span>จะร้อนจะเย็นก็ได้ จะช่วยปรับธาตุในร่างกายได้ดี แต่แนะนำว่าร้อนดีกว่าค่ะ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/-lCH9lypEk4w/TsY2FcWJtwI/AAAAAAAAClo/TLvgw2WervA/s1600/%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2587-somen.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 299px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-lCH9lypEk4w/TsY2FcWJtwI/AAAAAAAAClo/TLvgw2WervA/s400/%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2587-somen.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5676283847483438850" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);font-size:130%;" >เดือน พฤษจิกายน ธันวาคม มกราคม</span><br /><span style="font-weight: bold;">ธาตุดิน</span> (หนักแน่น อดทน แตกหัก) ก็คือไม่ยอมใครง่าย โกรธยาก แต่โกรธแล้วบางทีเกลียดเลย เชื่อมั่นในตัวตนสูง หรือถ้าเชื่อใครแล้วก็จะเชื่ออย่างไม่คิด จะกินก็เรื่องมากนิดหน่อย แต่ก็ง่ายที่สุด ถ้าต้องถามว่าจะไปกินอะไรดี เขาจะตอบแบบไม่ต้องคิดมาก คือแล้วแต่คุณ ถ้าเลือกถูกใจก็โชคดีไป แต่ถ้า.... <span style="font-weight: bold;">ขอแนะนำว่าให้ไปกินพวกอาหารเส้นต่างๆ โซบะ โซเมง อุด้ง ได้หมด แต่ดีที่สุดน่าจะเป็น "โซเมง"</span> เป็นบะหมี่ที่นิยมทานในหน้าร้อนเช่นกัน เส้นของโซเมงทำจากข้าวสาลี (sobako-ข้าวสาลี) ดังนั้นเส้นจึงมีสีขาวนวลและเส้นจะบางกว่าโซบะ เส้นโซเมงจะนุ่มสามารถดัดแปลงทำอาหารได้หลายอย่าง จะทำแบบเย็นก็ได้ ทำให้สดชื่นดีค่ะ แต่คนธาตุนี้กินแป้งมากๆ ไม่ดี แต่ก็ต้องกินบ้างไม่ใช่ไม่กินเลย..<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: เรื่องโดย : ซูชิโนะ | <a target="_blank" href="http://www.marumura.com/food/?id=1896">http://www.marumura.com/food/?id=1896</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-52866732001301280842011-09-29T09:11:00.007+07:002011-09-29T11:52:02.511+07:0010 อันดับ ของฝากยอดนิยมในญี่ปุ่น<span style="font-weight: bold;">10 อันดับของฝากยอดนิยมในญี่ปุ่น</span> <span style="font-weight: bold;">(10 most popular from Japan)</span><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 10 Tako Yaki (たこ焼き)</span> จากจังหวัด Osaka ถ้าพูดถึง Tako Yaki แล้วก็ต้องที่ Osaka เท่านั้น<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-yrGSpbgNq28/Tnw_2_zuEdI/AAAAAAAACHI/GZqOl8EOjj4/s1600/10-tako_yaki.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 318px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-yrGSpbgNq28/Tnw_2_zuEdI/AAAAAAAACHI/GZqOl8EOjj4/s400/10-tako_yaki.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655465446144348626" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 9 Haginotsuki (萩の月)</span> แห่งจังหวัด Miyagi(宮城)เป็นเค้กฟองน้ำคุณภาพเยี่ยม (カステラ:Kasutera) ที่สอดไส้ครีมคัสตาร์ดรสหวานกำลังพอเหมาะ เป็นของฝากที่พลาดไม่ได้ของเซนได เลยทีเดียว<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-SIkOVEl2gqY/Tnw_3Kzp-iI/AAAAAAAACHQ/ylgFioaUWFg/s1600/9-haginotsuki.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 299px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-SIkOVEl2gqY/Tnw_3Kzp-iI/AAAAAAAACHQ/ylgFioaUWFg/s400/9-haginotsuki.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655465449096870434" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 8 Marusei Butter Sando (マルセイバターサンド)</span> ของจังหวัด Hokkaido (北海道) เป็นบิสกิต สอดไส้ครีม White Chocolate และลูกเกด<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-bO2r0tS_k08/Tnw_3FXeRnI/AAAAAAAACHY/Mh5ffCEyZ5w/s1600/8-marusei-butter-sando.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 266px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-bO2r0tS_k08/Tnw_3FXeRnI/AAAAAAAACHY/Mh5ffCEyZ5w/s400/8-marusei-butter-sando.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655465447636485746" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 7 Momiji Manju (もみじまんじゅう)</span> ของฝากจากจังหวัด Hiroshima (広島) เป็นขนม Manju ไส้ถั่วแดงที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกับน้ำชา นอกจากความหวานอร่อยของขนมแล้ว ความน่ารับประทานของขนมที่เป็นที่ออกแบบเป็นรูปใบเมเปิ้ล ก็ทำให้ Momijimanju เป็นของฝากขึ้นชื่อของ Hiroshima ไปเลย<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-kTw4hzEwJS0/Tnw_3f96fkI/AAAAAAAACHo/oCeD9yRzWCs/s1600/6-shiroikoibito.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 320px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-kTw4hzEwJS0/Tnw_3f96fkI/AAAAAAAACHo/oCeD9yRzWCs/s400/6-shiroikoibito.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655465454777040450" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 6 Shiroikoibito (白い恋人)</span> ของฝากจาก Hokkaido (北海道) ที่คนไทยรู้จักกันดี เป็นคุ้กกี้สอดไส้ White Chocolate ซี่งเนื้อคุ้กกี้จะถูกอบด้วยความเกรียมที่กำลังพอดี บวกกับ White Chocolate ที่ทำจากน้ำนมอันเลื่องชื่อของ Hokkaido ทำให้ Shiroi Koibito เป็นที่ติดอกติดใจทั้งของคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามสนามบินแทบจะทุกแห่งในประเทศญี่ปุ่น<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-LTZI1yDStYA/Tnw_3WzuFiI/AAAAAAAACHg/v1r3c7UO6Qs/s1600/7-momiji-manju.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 267px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-LTZI1yDStYA/Tnw_3WzuFiI/AAAAAAAACHg/v1r3c7UO6Qs/s400/7-momiji-manju.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655465452318365218" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 5 Uirou (ういろう)</span> ของฝากจากจังหวัด Aichi (愛知) เป็นขนมขึ้นชื่อของเมือง Nagoya (名古屋) ที่เป็นที่รู้จักกันดีของคนญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยแรกในยุคเอโดะ (江戸時代) ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าที่นำไปนึ่ง รสหวานอ่อน ๆ นุ่ม ๆ มีทั้งรสน้ำตาลขาว น้ำตาลดำ ถั่วแดง และชาเขียว เป็นขนมที่คนญี่ปุ่นนิยมทานกับน้ำชาเป็นลำดับต้นๆ เลยทีเดียว<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-7nGSMBzUrE4/TnxAuWn11GI/AAAAAAAACHw/kuWtNVH7MpQ/s1600/5-uirou.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 266px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-7nGSMBzUrE4/TnxAuWn11GI/AAAAAAAACHw/kuWtNVH7MpQ/s400/5-uirou.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655466397161346146" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 4 Jagapokkuru (じゃがポックル) </span>ของฝากจากจังหวัด Hokkaido รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นแค่มันฝรั่งแท่งทอดกรอบทั่วไป แต่รสชาตินั้นสุดยอด ผลิตโดยคาลบี้ ที่พวกเรารู้จักกันดี ภายใต้แบรนด์ Potato Farm ออกวางขายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2006 ในช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้มีการโฆษณาแต่อย่างใด ด้วยความอร่อย และเสียงปากต่อปากจากผู้ชิมทั้งหลาย ทำให้ขายดีถึงขนาดที่จะต้องจำกัดจำนวนซื้อต่อคนต่อครั้งกันเลยทีเดียว ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ตามสนามบินและร้านตัวแทนจำหน่ายบางแห่ง<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-PF7L3Im8i0M/TnxAumO392I/AAAAAAAACH4/sUMDKGlR_os/s1600/4-jagapokkuru.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 400px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-PF7L3Im8i0M/TnxAumO392I/AAAAAAAACH4/sUMDKGlR_os/s400/4-jagapokkuru.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655466401351595874" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 3 Akafuku (赤福) </span>ของฝากจากเมือง Ise (伊勢) จังหวัด Mie (三重) เป็นขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่สมัย Houei (宝永) ประมาณปี 1707 คือขนมโมจิไส้ถั่วแดง ที่มีรสชาติแสนอร่อย และถือว่าเป็นขนมมงคลที่แสดงถึงความจริงใจของผู้ให้ที่จะมอบความสุขให้แก่ผู้รับ ขนมนี้จึงนิยมเป็นของฝากของคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-PEOvvu44ix4/TnxAuujFDuI/AAAAAAAACIA/M9MdI-EkVQ0/s1600/3-akafuku.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 321px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-PEOvvu44ix4/TnxAuujFDuI/AAAAAAAACIA/M9MdI-EkVQ0/s400/3-akafuku.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655466403583823586" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับที่ 2 Gougouichi no Butaman (551の豚まん)</span> ของฝากขึ้นชื่อของจังหวัด Osaka เป็นซาลาเปาไส้หมูบดรวมกับหอมหัวใหญ่ ผลิตโดยร้านอาหารจีนขึ้นชื่อของ Osaka ที่มีชื่อว่าร้าน 551 Horai (551蓬莱) ซึ่งมียอดขายเฉลี่ยถึงวันละ 140,000 ลูก<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-kh1WPqznwhU/TnxBY8ja1XI/AAAAAAAACIY/Xhwgc0UjlU0/s1600/2-gougouichi-no-butaman-01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 308px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-kh1WPqznwhU/TnxBY8ja1XI/AAAAAAAACIY/Xhwgc0UjlU0/s400/2-gougouichi-no-butaman-01.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655467128897852786" border="0" /></a>ส่วนขายซาลาเปาแบบซื้อกลับบ้านในตัวเมือง Osaka มีสาขาอยู่มากมาย ทั้งที่ Namba, Shinzaibashi, และ Umeda<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-rnKMxE5_CJQ/TnxBYwAF-lI/AAAAAAAACIQ/b7M06ewXj2Q/s1600/2-gougouichi-no-butaman-02.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-rnKMxE5_CJQ/TnxBYwAF-lI/AAAAAAAACIQ/b7M06ewXj2Q/s400/2-gougouichi-no-butaman-02.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655467125528459858" border="0" /></a>ภัตตาคารอาหารจีนในสนามบินคันไซ<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-_Hh_8LdTIJI/TnxBYgPIZGI/AAAAAAAACII/m8JODRWWINY/s1600/2-gougouichi-no-butaman-03.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-_Hh_8LdTIJI/TnxBYgPIZGI/AAAAAAAACII/m8JODRWWINY/s400/2-gougouichi-no-butaman-03.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655467121296565346" border="0" /></a><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">อันดับ 1 Karashi Mentaiko (辛子明太子)</span> ของฝากจากจังหวัด Fukuoka (福岡) Mentaiko ก็คือไข่ปลาคอต Karashi คือรสเผ็ด Karashi Mentaiko เป็นการนำไข่ปลาคอตไปหมักกับเกลือแล้วปรุงรสเผ็ดด้วยพริกนั่นเอง เล่ากันว่า Karashi Mentaiko นั้นเกิดในช่วงสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลี และเนื่องจากเมือง Fukushima เป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น จึงทำให้ Karashi Mentaiko เป็นอาหารที่ดัดแปลงมาจากการหมักกิมจิของประเทศเกาหลีนั่นเอง และในปี Showa ที่ 50 เมื่อรถไฟ Shinkanzen สาย Sanyo ที่วิ่งระหว่างสถานี Shin Osaka ถึงเมือง Hakata เริ่มเปิดให้บริการ ทำให้ Karashi Mentaiko เป็นที่รู้จักมากขึ้น ปัจจุบันนิยมนำ Karashi Mentaiko ไปทำ Onigiri และสปาเกตตี้ รวมถึงอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-4gw6nf9y0WI/TnxBZHickxI/AAAAAAAACIg/6L5uRtLh9SU/s1600/1-karashi-mentaiko.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 263px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-4gw6nf9y0WI/TnxBZHickxI/AAAAAAAACIg/6L5uRtLh9SU/s400/1-karashi-mentaiko.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655467131846562578" border="0" /></a><br /><br /><span style="font-size:85%;">ขอบคุณข้อมูลจาก : http://gurutabi.gnavi.co.jp<br />ที่มา : http://www.marumura.com/japanist_talkative/?id=1526<br /><br /></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-13693494913219455402011-09-25T17:02:00.015+07:002011-09-25T17:02:00.148+07:00Japanese Foods iPhone Cases เคสสำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่น<span style="font-weight: bold;">iPhone Cases เคสสำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่น</span><br /><br />ใครรักอาหารญี่ปุ่นเชิญทางนี้! ...แน่นอนว่าโทรศัพท์หรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคงต้องเป็น <span style="font-weight: bold;">"เทคโนโลยีการสื่อสาร"</span> ที่ผู้คนนิยมใช้กันมากที่สุดยี่ฮ้อหนึ่งในยุคนี้สมัยนี้ คงหนีไม่พ้นต้องมีชื่อยี่ฮ้อ <span style="font-weight: bold;">"iPhone"</span> ติดอยู่ในลำดับต้นๆ อย่างแน่นอน เพราะว่าไอโฟนนั้นเป็นที่นิยมไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่นิยมไปทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นแถบยุโรป อเมริกา จีน เกาหลี และในอีกหลายๆประเทศทั่วโลก<br /><br /><span style="font-weight: bold;">ทำไมความนิยมในการใช้ iPhone ถึงมีจำนวนมากมายขนาดนั้น?</span><br /><br />นั่นเป็นเพราะว่า iPhone มีความโดดเด่นมากมาย ถือว่าเป็นเทคโนโลยีแห่งยุคก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แบรนด์ ฟังชั่นการใช้งานที่ทันสมัย เกมส์ รวมถึงแอพพลิเคชั่น(Application) ต่างๆอีกมากมาย ที่ถูกสร้างมาจากนักออกแบบแอพพลิเคชั่นiPhone ทั่วโลก<br /><br />จากความนิยมที่มากมายล้นเหลือเหล่านี้นี่เอง ทำให้ iPhone เป็นที่ต้องการมากในท้องตลาด ฉันใดก็ฉันนั้นเวลามีของที่ใครใช้กันมากๆ มันก็จะเกล่อ ดูไม่แตกตาง และนี่จึงเป็นที่มาของความต้องการสร้างความโดดเด่น และแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ด้วยการใส่ "เคส หรือหน้ากาก (Case)" ให้กับ iPhone<br /><br />การดีไซด์ Case ของ iPhone นั้นมีหลากหลายตามแต่จินตนาการของผู้ออกแบบ บางส่วนก็ออกแบบตามการ์ตูน หรือเกมส์ดังๆ และมีอีกมากมายที่ใส่ไอเดียลงไปทำให้เกิิดเป็นงานศิลปะที่โด่ดเด่น อย่างเช่นเคสที่จะทำเสนอในวันนี้ นั่นคือ<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >iPhone Cases เคสสำหรับคนรักอาหารญี่ปุ่น</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-jm5VorElhbM/Tnw5O5u-eQI/AAAAAAAACF4/yVz4tma8hEA/s1600/iPhone-Cases-Japanese-foods-1.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 400px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-jm5VorElhbM/Tnw5O5u-eQI/AAAAAAAACF4/yVz4tma8hEA/s400/iPhone-Cases-Japanese-foods-1.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458160249305346" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-FsLg0jtSfLM/Tnw5PKYzDpI/AAAAAAAACGA/IQip3NnJqvo/s1600/iPhone-Cases-Japanese-foods-2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 186px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-FsLg0jtSfLM/Tnw5PKYzDpI/AAAAAAAACGA/IQip3NnJqvo/s400/iPhone-Cases-Japanese-foods-2.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458164719685266" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-gLOfIYnb-N4/Tnw5PaE9rFI/AAAAAAAACGQ/l_FWGte4W4k/s1600/japanese-food-iPhone-case-05.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 224px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-gLOfIYnb-N4/Tnw5PaE9rFI/AAAAAAAACGQ/l_FWGte4W4k/s400/japanese-food-iPhone-case-05.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458168931462226" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-GgBmvZdM84Q/Tnw5PE82yKI/AAAAAAAACGI/1cegzF6EX0E/s1600/japanese-food-iPhone-case-01.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-GgBmvZdM84Q/Tnw5PE82yKI/AAAAAAAACGI/1cegzF6EX0E/s400/japanese-food-iPhone-case-01.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458163260311714" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-YgIa4GKNZM4/Tnw5PgyB1II/AAAAAAAACGY/CBKCKKCcXxM/s1600/japanese-food-iphone-4-cases.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 215px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-YgIa4GKNZM4/Tnw5PgyB1II/AAAAAAAACGY/CBKCKKCcXxM/s400/japanese-food-iphone-4-cases.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458170731091074" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-x9RcqmPzrOc/Tnw5tmGJ7zI/AAAAAAAACG4/mSYPBzX3ll8/s1600/Weird-Japanese-food-iPhone-cases05.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 210px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-x9RcqmPzrOc/Tnw5tmGJ7zI/AAAAAAAACG4/mSYPBzX3ll8/s400/Weird-Japanese-food-iPhone-cases05.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458687553761074" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-fq2FCNNdDWM/Tnw5tWJBwzI/AAAAAAAACGw/BjhK_8_e9_I/s1600/japanese-food-iPhone-case-07.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 235px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-fq2FCNNdDWM/Tnw5tWJBwzI/AAAAAAAACGw/BjhK_8_e9_I/s400/japanese-food-iPhone-case-07.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458683270841138" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-GKu782S5rys/Tnw5tUNCu-I/AAAAAAAACGo/8OyeHb5FsXo/s1600/japanese-food-iPhone-case-06.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 241px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-GKu782S5rys/Tnw5tUNCu-I/AAAAAAAACGo/8OyeHb5FsXo/s400/japanese-food-iPhone-case-06.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458682750811106" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-3aqrMTxF_ds/Tnw5tAXI3TI/AAAAAAAACGg/JFMYIhhZ_Rc/s1600/japanese-food-iphone-case.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 247px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-3aqrMTxF_ds/Tnw5tAXI3TI/AAAAAAAACGg/JFMYIhhZ_Rc/s400/japanese-food-iphone-case.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458677424446770" border="0" /></a><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-vNuTbYCbjC4/Tnw5toHl34I/AAAAAAAACHA/N-3wT8n56_M/s1600/Weird-Japanese-food-iPhone-cases09.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 277px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-vNuTbYCbjC4/Tnw5toHl34I/AAAAAAAACHA/N-3wT8n56_M/s400/Weird-Japanese-food-iPhone-cases09.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5655458688096657282" border="0" /></a>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-28143966408529465522011-09-21T09:43:00.006+07:002011-09-21T10:51:19.054+07:00เทคนิคการสไลซ์ผักแบบญี่ปุ่น<span style="font-weight: bold;">เทคนิคการสไลซ์ผักแบบญี่ปุ่น</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">(Japanese Vegetable Slicing & Cutting Techniques)</span><br /><br />เหล่าสาวกอาหารญี่ปุ่นคงเคยเห็นมากิ ที่ห่อด้วยแผ่นผักสไลซ์บางเฉียบแทนแผ่นสาหร่าย ซึ่งดูแล้วเหมือนทำง่ายเพราะคงใช้อุปกรณ์ปอกสไลซ์ผักที่ทันสมัย แต่ความจริงการสไลซ์พืชผักชนิดหัวให้เป็นแผ่นนั้น เหล่าเซฟญี่ปุ่นมีอุปกรณ์เพียงแค่มีดคมๆ 1 เล่ม เท่านั้น แต่ความสำคัญอยู่ที่ฝีมือและเทคนิคที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง ซึ่งเรานำมาฝากให้คุณได้ลองฝึกทำดูบ้างค่ะ<br /><br /><br /><div style="text-align: center;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-2pXkWOp3oTE/TnYJuwAm4YI/AAAAAAAAB_I/fAkKDAD8BN8/s1600/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599.jpg"><img style="margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 500px; height: 139px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-2pXkWOp3oTE/TnYJuwAm4YI/AAAAAAAAB_I/fAkKDAD8BN8/s400/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2599.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5653717080976318850" border="0" /></a><br /></div><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);font-size:130%;" >เทคนิควิธีการสไลซ์ผักแบบญี่ปุ่น</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">1. ปอกเปลือกผักหัวที่ต้องการสไลซ์</span> โดยให้จับมีดด้วยมือขวา ถือหัวผักด้วยมือซ้าย และวางให้ขนานกับใบมีด จากนั้นหมุนมือซ้ายพร้อมกับกดใบมีดลง สไลซ์เปลือกออกจนหมด<br /><br /><span style="font-weight: bold;">2. ตอกไม้จิ้มฟัน 2 อัน เข้าไปที่เนื้อมีด</span> โดยให้คมมีดจมอยู่ในเนื้อไม้จิ้มฟันครึ่งหนึ่ง และให้ไม้จิ้มฟันห่างกันเกินความยาวของหัวผักเล็กน้อย<br /><br /><span style="font-weight: bold;">3. วางหัวไช้เท้าลงบนเขียง</span> ใช้มือซ้ายกดให้แนบกับเขียง จับมีดด้วยมือขวาให้แน่น หันมีดด้านที่มีไม้จิ้มฟันแนบกับหัวไช้เท้า ลากมีดไปทางซ้ายเรื่อยๆ จนสไลซ์ผักต่อไม่ได้<br /><br /><br />วิธีนี้ทำให้ได้แผ่นผักสไลซ์บางและยาวไว้ใช้ห่อมากิ หรือสามารถหั่นทำเป็นผักฝอยได้เช่นกัน โดยตัดเป็นแผ่นผักสไลซ์ให้มีความยาวเท่าๆกัน แล้วนำมาวางซ้อนหลายๆชิ้นก่อนใช้มีดซอยเป็นเส้นฝอยๆ แล้วนำไปล้างในน้ำเย็นจัด พักให้สะเด็ดน้ำ เท่านี้ผักที่เราสไลซ์เอาไว้ก็กลายเป็นผักหั่นฝอยสดกรอบ แกล้มคู่กับปลาดิบได้อร่อยไม่แพ้กันเลยค่ะ<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: นิตยสาร Health & Cuisine ฉบับที่ 128</span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-57770865678811055932011-09-17T08:18:00.015+07:002011-09-20T11:04:00.093+07:00ขนมโมจิ (Mochi) : รูปแบบของโมจิ (Type of Mochi)<div style="float:right;margin:0;width: 200px;"><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-oi9hsLyfS6o/TmSk14H5zAI/AAAAAAAAB6Q/3AosaiO0DPY/s1600/mochi-kinako-2.jpg"><img style="margin:0 0 6px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 136px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-oi9hsLyfS6o/TmSk14H5zAI/AAAAAAAAB6Q/3AosaiO0DPY/s200/mochi-kinako-2.jpg" alt="Mochi Kinako" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648821078135000066" border="0" /></a><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-wv7dSKoaCJ4/TmSk12FuB2I/AAAAAAAAB6Y/l-zgAvO7mKE/s1600/Daifukumochi-2.jpg"><img style="margin:0 0 6px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 133px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-wv7dSKoaCJ4/TmSk12FuB2I/AAAAAAAAB6Y/l-zgAvO7mKE/s200/Daifukumochi-2.jpg" alt="Daifukumochi" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648821077588969314" border="0" /></a><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-YXaImNJ5o0I/TmSk1V3YwoI/AAAAAAAAB6I/jl-mRpmIFQY/s1600/Zoni-soup-2.jpg"><img style="margin:0 0 6px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 136px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-YXaImNJ5o0I/TmSk1V3YwoI/AAAAAAAAB6I/jl-mRpmIFQY/s200/Zoni-soup-2.jpg" alt="Zoni soup" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648821068938920578" border="0" /></a><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-G0YhSnkZxaQ/TmSk1aNt9YI/AAAAAAAAB6A/B1YdPF43hMo/s1600/Kagami-mochi_Kagami-biraki-.jpg"><img style="margin:0 0 6px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 183px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-G0YhSnkZxaQ/TmSk1aNt9YI/AAAAAAAAB6A/B1YdPF43hMo/s200/Kagami-mochi_Kagami-biraki-.jpg" alt="Kagami mochi - Kagami biraki" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648821070106326402" border="0" /></a><div style="float:none;clear:both;"></div></div><span style="font-weight: bold;font-size:130%;" >ขนมโมจิ (Mochi)</span><br /><br />มาถึงโมจิในรูปแบบต่างๆ <span style="font-weight: bold;">โมจิสามารถนำมาดัดแปลงเป็นขนมหรืออาหารได้หลากหลาย</span> มาดูกันซิว่ามีอะไรบ้าง<br /><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);font-size:130%;" >โมจิในรูปแบบต่างๆ (Type of Mochi)</span><br /><br /><br />• พูดถึงโมจิที่นิยมทานในช่วงปีใหม่ก่อนดีกว่าก็มี <span style="font-weight: bold;">Kagami mochi</span> หรือ <span style="font-weight: bold;">Kagami biraki</span> เป็นโมจิที่ถูกตบแต่งแบบโบราณเอาไว้ใช้ในงานพิธีกรรมทางศาสนาและเทศกาลต่างๆ<br /><br /><br />• ต่อมาคือ <span style="font-weight: bold;">Kinako mochi</span> โมจิแห่งความโชคดี มีวิธีทำแบบดั้งเดิมก็คือ นำโมจิไปย่างกับไฟอ่อนๆ ก่อนและชุบด้วยซอสถั่วเหลืองที่ผสมน้ำกับน้ำตาลเอาไว้ สุดท้ายก็เอาไปคลุกกับผงถั่วเหลืองหวานเรียกว่า <span style="font-weight: bold;">Kinako</span> ก็เสร็จเรียบร้อย<br /><br /><br />• <span style="font-weight: bold;">ซุป Zoni</span> ก็คือซุปที่คนญี่ปุ่นจะทานตอนวันปีใหม่ เป็นซุปที่มีโมจิ มีผักและคามาโบะโกะ อยู่ในถ้วยเดียวกัน สมัยก่อนเป็นอาหารหลักของของนักรบซามูไรที่ทำทานในช่วงการออกศึก<br /><br /><br />• เมนูถัดมาน่าจะเป็นของโปรดใครหลายๆคน <span style="font-weight: bold;"> Daifukumochi ขนมญี่ปุ่นยัดไส้หวาน</span> มีหลากสีสันสวยงาม โรยด้วยไอซ์ซิ่ง หรือ ผงโกโก้ สมัยก่อนถูกเรียกว่า Harabuto (腹太餅) แปลว่า เค้กข้าวท้องหนา ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็น DaifukuMochi (大腹饼) คือมีโชคยิ่งใหญ่ เพราะว่าในภาษาญี่ปุ่นนั้นคำว่า Fuku (腹) ที่แปลว่า ท้อง และ Fuku (福) อีกคำที่แปลว่าโชคดี พ้องเสียงเหมือนกันเลยให้ใช้ชื่อ ไดฟุกุโมจิ ดีว่าเพราะเป็นชื่อมงคลมากกว่านั่นเอง แล้วจะมี <span style="font-weight: bold;">"ไดฟุกุโมจิ"</span> แบบไหนบ้างมาดูกันต่อเลย<br /><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);font-size:130%;" >"ไดฟุกุโมจิ" รูปแบบต่างๆ (Type of Daifukumochi)</span><br /><br />1. แบบแรกก็คือ <span style="font-weight: bold;">Yomogi Daifuku</span> เป็นขนมโมจิที่นิยมทานกันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำมาจากโมจิผสมกับใบของต้น Yomogi จะได้แป้งออกมาเป็นสีเขียวและสอดไส้ถั่วแดงลงไปอีก<br /><br />2. แบบต่อมา<span style="font-weight: bold;"> Ichigo Daifuku</span> เป็นไดฟุกุที่ได้รับความนิยมสูงมากเลยนะ เพราะเป็นโมจิที่สอดไส้ครีมหรือถัวแดงเอาไว้ในชั้นแรกและชั้นในสุดคือสตรอ เบอร์รี่ผลโต รสชาติจะอมหวานอมเปรี้ยวหอมอร่อยเชียวนะ<br /><br />3. <span style="font-weight: bold;"> Yukimi Daifuku</span> เป็นขนมโมจิสอดไส้ไอศครีมผลิตโดย Lotte ตั้งแต่ปี 1980 เป็นที่นิยมมากเพราะรสชาตินุ่มนวล และหาทานได้ง่ายอีกด้วย<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-nQN76af4LsM/TmSmO3U65RI/AAAAAAAAB6g/ZpGESOGBnK0/s1600/sakura-mochi-kansai.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 320px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-nQN76af4LsM/TmSmO3U65RI/AAAAAAAAB6g/ZpGESOGBnK0/s320/sakura-mochi-kansai.jpg" alt="Sakura mochi kansai" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648822606929519890" border="0" /></a>4. ต่อมา <span style="font-weight: bold;">Dango</span> โมจิลูกกลมๆ เล็กๆ ที่เสียบไม้เรียงกันอย่างสวยงาม จริงๆ Dango (団子) แปลว่า เกี๊ยว สรุปว่าเป็นเกี๊ยวญี่ปุ่นก็แล้วกัน ขนมดังโกะหาซื้อทานได้ตลอดทั้งปี และ ดังโกะที่มีสามสี สีชาว สีชมพู สีเชียว เรียกว่า <span style="font-weight: bold;">Hanami Dango </span>นิยมทานกันในช่วงชมดอกซากุระบานจ้า ดังโกะมีหลากหลายรสชาติมาก มีทั้งถั่วแดง ชาเขียว เกาลัด มันหวาน ถั่วต้มหวาน ราดซอสถั่วเหลืองก็มี และยังมีแบบนำเต้าหู้มาผสมโมจิแล้วย่างต่อด้วยราดซอสต่างๆอีกต่างหาก น่าอร่อยๆทั้งนั้นเลย<br /><br />5. ในหน้าร้อนจะนิยมทาน <span style="font-weight: bold;">Warabimochi</span> ก็ไม่ได้ทำมากโมจิซะทีเดียว เป็นวุ้นที่คลุกกับผงถั่วเหลืองหวาน ในแถบคันไซและโอกินาว่าจะนิยมทานกันมาก มีรถวิ่งมาขายเหมือนรถไอศครีมเลย<br /><br />6. ในหน้าหนาวก็มี<span style="font-weight: bold;">ซุป Oshiruko หรือ Ozenzai ก็คือถั่ว Azuki หรือถั่วแดงต้มและบด ท้อปปิ้งด้วยโมจิ</span> คนญี่ปุ่นเค้าจะทานสิ่งนี้เพื่อให้ร่างกายได้อบอุ่น และบางทีก็มี บ๊วยเค็มหรือของเปรี้ยวเสิร์ฟเคียงมาด้วย และในบางพื้นที่ยังทานซุปชิรุโกะในวันขึ้นปีใหม่อีกด้วย<br /><br />7. นอกจากนี้ยังมี <span style="font-weight: bold;">Sakuramochi </span>ขนมโมจิญี่ปุ่นทำด้วยโมจิสีชมพูของดอกซากุระ โปะด้วยถั่วแดงและปิดด้วยใบไม้ของต้นซากุระและ Hishi mochi โมจิที่ใช้ในเทศกาลเด็กผู้หญิงฮินะมัทสึริ คือโมจิที่มีก้อนสี่เหลี่ยมสามสี สีชมพู สีขาว และสีเขียว<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-Kc8eHGXhV08/TmSm0s386mI/AAAAAAAAB6o/1rPosYcR42o/s1600/wagashi.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 238px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-Kc8eHGXhV08/TmSm0s386mI/AAAAAAAAB6o/1rPosYcR42o/s320/wagashi.jpg" alt="Wagashi" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648823256958691938" border="0" /></a>8. ต่อมาคือ <span style="font-weight: bold;">Hanabiramochi</span> ขนมหวานเสิร์ฟตอนทานกับชาในครั้งแรกของปีใหม่ เริ่มทานกันในปี 1868 จนถึงปัจจุบัน เป็นขนมในโอกาสพิเศษสำหรับครอบครัวในวันปีใหม่เท่านั้น<br /><br />9. แล้วก็ <span style="font-weight: bold;">Manju</span> ก็เป็นส่วนหนึ่งของโมจิด้วยเหมือนกันนะ เดิมที่จีนเรียกว่า มันโถว ญี่ปุ่นนำเข้ามาในสมัยนารา และเริ่มเรียกว่า มันจู ตั้งแต่นั้นมา มันจูเป็นขนมญี่ปุ่นที่มีหลากหลายไส้มาก มีทั้งไส้ถั่วแดง ฟักทอง ชาเขียว เป็นต้น<br /><br /><br />ในปัจจุบันมีแพ็คเกจขนมญี่ปุ่นออกมาขายเยอะแยะไปหมด และยังมีสูตรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกมากมาย ส่วนใหญ่จะเน้นเพื่อสุขภาพกันซะส่วนใหญ่ ยังมีเครื่องนวดโมจิออกมาอีกด้วย สมัยก่อนต้องทำกันเองที่บ้านแต่สมัยนี้อะไรก็สะดวกสบายไปซะหมด แค่ซื้อโมจิสำเร็จรูปมาเข้าไมโครเวฟก็ทานได้แล้ว<br /><br /><br />เป็นยังไงกันบ้างได้รู้จักอาหารว่างญี่ปุ่นกันมากขึ้นบ้างหรือเปล่า จริงๆ แล้วขนมญี่ปุ่นต้องเรียกว่า <span style="font-weight: bold;">วากาชิ</span> เรียก <span style="font-weight: bold;">โมจิ</span> คนญี่ปุ่นอาจจะงงกันได้นะค่ะ<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: <a target="_blank" href="http://www.marumura.com/japanist_monthly/?id=1459">http://www.marumura.com</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-16698652670478683422011-09-14T04:02:00.005+07:002011-09-20T11:02:34.490+07:00ขนมโมจิ (Mochi) : อุปกรณ์และวิธีการทำโมจิ<span style="font-weight: bold;font-size:130%;" >ขนมโมจิ (Mochi)</span><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);font-size:130%;" >อุปกรณ์และวิธีการทำโมจิ (โมจิ) - (How to make Mochi)</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-NCVZ1Bgr-6Y/TmSXs8psMxI/AAAAAAAAB5w/s6JFLEpOlBk/s1600/mochitsuki-tools_kine_Usu.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 240px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-NCVZ1Bgr-6Y/TmSXs8psMxI/AAAAAAAAB5w/s6JFLEpOlBk/s320/mochitsuki-tools_kine_Usu.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648806631080473362" border="0" /></a><span style="font-size:130%;"><span style="font-weight: bold;">อุปกรณ์สำหรับทำโมจิ</span> </span><br /><br />มาดูอุปกรณ์ในการทำก่อน<br /><br />1. <span style="font-weight: bold;">มีครกญี่ปุ่นที่เรียกว่า Usu</span> นิยมทำมาจากไม้ หรือ หิน สูงประมาณหนึ่งเมตร ความลึกประมาณหนึ่งไม้บรรทัดจ้า และ<br /><br />2 <span style="font-weight: bold;">อุปกรณในการตำหรือทุบข้าวเหนียวก็คือค้อนไม้ที่เรียกว่า Kine</span> มีหลายขนาดให้เลือกใช้ มีตั้งแต่ขนาดสำหรับเด็กๆ ใช้ตำจนถึงสำหรับผู้ใหญ่เลยนะ ดีจริงๆ และอีกหนึ่งชิ้นภาชนะใส่น้ำเปล่า ^^<br /><br /><br /><span style="font-size:130%;"><span style="font-weight: bold;">วิธีการทำโมจิ</span></span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-3RDfd7Lovr0/TmSYEYdUl9I/AAAAAAAAB54/erwY0azE6XQ/s1600/Making_mochi_with_an_Usu_and_Kine.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 286px; height: 320px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-3RDfd7Lovr0/TmSYEYdUl9I/AAAAAAAAB54/erwY0azE6XQ/s320/Making_mochi_with_an_Usu_and_Kine.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648807033681778642" border="0" /></a>วิธีการทำมีดังนี้...<br /><br />1. เริ่มแรกก็นำข้าวเหนียวมาแช่น้ำค้างไว้ซักหนึ่งคืนก่อน<br /><br />2. ต่อมานำข้าวเหนียวไปหุงจนสุกได้ที่แล้ว นำไปใส่ครก Usu<br />การตำโมจินั้นต้องมีการสลับจังหวะในการตำ คนหนึ่งตำไป อีกคนหนึ่งพลิกก้อนโมจิไป ในขณะที่พลิกต้องพรมน้ำไปด้วยทุกครั้ง ต้องสลับจังหวะให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นคนตำจะเผลอตำถูกมืออีกคนไปด้วย ต้องใช้สมาธิอย่างสูงเลยทีเดียว<br /><br />3. พอเหนียวได้ที่จนเป็นก้อนแล้วก็นำมาพลิกแพลงทำเมนูต่างๆได้เลย และ<span style="font-weight: bold;">ที่สำคัญนั้นการแบ่งโมจิในวันปีใหม่นั้นห้ามใช้ของมีคมตัดเด็ดขาด</span> เพราะการตัดนั้นเค้าถือเป็นเรื่องที่ไม่เป็นมงคล ใช้วิธีแบ่งเอาใช้มือนี่แหละ เรื่องเล็กๆน้อยก็เป็นเคล็ดมงคลไปหมดเลยนะเนี่ย ในปัจจุบันก็มีโมจิสำเร็จรูปออกมาขายเป็นก้อนสี่เหลี่ยมสามารถซื้อและนำมาทำ อาหารได้เลยจ้า<br /><br /><br />** โมจิยังสามารถทำได้อีกแบบหนึ่งก็คือ ทำมาจากแป้งข้าวหวานเรียกว่า <span style="font-weight: bold;">Mochiko</span> นำมาผสมน้ำและตั้งไฟคนให้เหนียวจะได้โมจิเนื้อละเอียดเด้งๆ สีขาวขุ่นๆออกมา แป้งนี้ยังนำมาทำเป็นขนมปังและเส้นราเมนได้อีกด้วยนะ<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: <a target="_blank" href="http://www.marumura.com/japanist_monthly/?id=1459">http://www.marumura.com</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-36646480892162492042011-09-10T03:44:00.006+07:002011-09-20T11:02:57.605+07:00ขนมโมจิ (Mochi) : ความเป็นมาของขนมโมจิ (History of Mochi)<span style="font-weight: bold;font-size:130%;" >ขนมโมจิ (Mochi)</span><br /><br />วันนี้มีของอร่อยๆ ขึ้นชื่อของญี่ปุ่นมานำเสนอกันอีกแล้ว เป็นอาหารว่างที่สามารถหาทานได้ตลอดทั้งปี สามารถนำมาพลิกแพลงได้หลายรูปแบบ และทานกันได้ตั้งแต่เด็กจนถึงคนสูงอายุเลยทีเดียว เป็นอาหารที่ญี่ปุ่นเค้าทานกันมานานมากแล้ว อาหารนั้นก็คือ <span style="font-weight: bold;">"เค้กข้าว" หรือ "โมจิ"</span> นั่นเอง แล้วเค้กข้าวญี่ปุ่นมีความเป็นมายังไง และมีแบบไหนบ้าง อย่ารอช้า... มาติดตามกันเลยดีกว่า<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-sdl52TDyikI/TmSU2X90BhI/AAAAAAAAB5g/Gx7ULkbD2_c/s1600/mochi.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 274px; height: 275px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-sdl52TDyikI/TmSU2X90BhI/AAAAAAAAB5g/Gx7ULkbD2_c/s320/mochi.jpg" alt="เค้กข้าวญี่ปุ่น (โมจิ - Mochi)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648803494496568850" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);font-size:130%;" >ความเป็นมาของ เค้กข้าวญี่ปุ่น (โมจิ)<br />(History of the Mochi)</span><br /><br />มาเริ่มรู้จักความเป็นมาของเค้กข้าวญี่ปุ่นกันก่อนดีกว่านะ เค้กข้าวสมัยโบราณนั้นนำเข้ามาจากประเทศจีนก่อนและเผยแพร่ไปในประเทศที่ใกล้เคียงรวมทั้ง ญี่ปุ่น และ เกาหลี อีกด้วย ชื่อที่ญี่ปุ่นในปัจจุบันเรียกว่า "โมจิ" และที่เกาหลีเรียกว่า <a target="_blank" href="http://koreanfoodsguide.blogspot.com/2011/03/tok-korean-food-and-dessert-hit.html"><span style="font-weight: bold;">"ต็อก"</span></a> ในญี่ปุ่นนั้นเริ่มมีประเพณีการทำโมจิใน สมัยเฮอัน หรือ ช่วงศตวรรษที่ 10<br /><br />ความจริงแล้วในสมัยก่อน ญี่ปุ่นไม่ได้เรียกเค้กข้าวว่า Mochi ในตอนแรกเรียกว่า <span style="font-weight: bold;">Mochii</span> เพิ่งมาเริ่มเรียกว่า โมจิ ก็ตอนช่วงศตวรรษที่ 18 คำว่า โมจิ นั้น มาจากคำกริยาของญี่ปุ่นก็คือคำว่า Motsu ที่แปลได้ว่า <span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">มีให้ถือมีให้ใช้</span> และก็มีความเชื่อว่า <span style="font-weight: bold;">โมจิเป็นอาหารที่ได้รับมาจากเทพเจ้า</span> ช่วงก่อนวันปีใหม่ประมาณ 1 สัปดาห์คนญี่ปุ่นเริ่มมีเทศกาลการทำ <span style="font-weight: bold;">Mochitsuki</span> ที่แปลว่า พระจันทร์เต็มดวง ที่เห็นกระต่ายตำโมจิบนดวงจันทร์นั่นแหละ และบางพื้นที่จะเรียกว่า Muchimi ซึ่งหมายถึง ความยึดติด นั่นเอง<br /><br />ในตอนแรกนั้นโมจินำมาเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก่อน และต่อมาคนผู้คนเริ่มทำรับประทานกันเองที่บ้าน เพราะวัตถุดิบหาไม่ยาก กรรมวิธีก็ไม่ยาก และยังให้พลังงานได้พอดีกับการทานข้าวซักมื้อหนึ่งอีกด้วย ผู้คนจะทานโมจิในวันที่อากาศหนาวมากๆ เพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย และ นักรบซามูไรยังพกโมจิไปออกรบเหตุผลก็เพราะง่ายในการพกพาติดตัวไปน่ะสิ และนักรบสมัยก่อนยังเชื่อมโยงระหว่างเสียงการตำโมจิกับสัญญาณการออกรบอีกด้วย<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-bln0lLOq43Y/TmSVTIL8oMI/AAAAAAAAB5o/G4LyZC2wdnw/s1600/mochitsuki.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-bln0lLOq43Y/TmSVTIL8oMI/AAAAAAAAB5o/G4LyZC2wdnw/s400/mochitsuki.jpg" alt="Mochitsuki" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648803988477092034" border="0" /></a>การทำโมจิในช่วงก่อนวันปีใหม่ในเทศกาล <span style="font-weight: bold;">Mochitsuki</span> นั้น ไม่ได้ยากตรงการหาวัตถุดิบ ที่ยากก็คือการออกแรงในการทุบข้าวเหนียวนั่นแหละ ท่าทางจะใช้แรงพอสมควรเลยนะคนในครอบครัวญี่ปุ่นเค้าก็เลยออกมาช่วยกันทุบโมจิ เป็นกิจกรรมภายในครอบครัว ซึ่งไม่เพียงแต่ครอบครัวตัวเองเท่านั้น ในหมู่บ้าน กิจการต่างๆ หรือ ในหมู่เพื่อนพ้องก็สามารถมาช่วยกันทำได้<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: <a target="_blank" href="http://www.marumura.com/japanist_monthly/?id=1459">http://www.marumura.com</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-27878765505272171452011-09-06T04:45:00.019+07:002011-09-06T10:17:02.397+07:00ขนมหวานของญี่ปุ่น (Japanese sweets & desserts)<span style="font-weight: bold;">ขนมหวานของญี่ปุ่น</span> <span style="font-weight: bold;">(Japanese sweets & desserts)</span><br /><br />รวมเรียกขนมหวานของญี่ปุ่นว่า <span style="font-weight: bold;">"วากาชิ"</span> (Wagashi - 和菓子) ซึ่งมีมานานตั้งแต่สมัยนะระหรือประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว แต่เฟื่องฟูสุดๆในช่วงเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603-1867) โดยเฉพาะในเมืองเกียวโตและโตเกียว แต่ละร้านแข่งกันขายแข่งกันคิดขนมใหม่ๆจนกลายเป็นต้นตำรับของขนมญี่ปุ่นถึงจะได้ชื่อว่าเป็นขนมหวานประจำชาติ แต่ชาวญี่ปุ่นก็ไม่ได้กินวากาชิกันบ่อยๆ ซึ่งวากาชินี้จะกินเป็นของว่างและในโอกาสพิเศษเมื่อมีพิธีการต่างๆเช่น พิธีแต่งงาน หรือพิธีชงชาและแรงบันดาลใจของพ่อครัวแม่ครัวในการสร้างสรรค์ขนมวากาชินั้นก็ได้มาจาธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ร่วงจะทำขนมคิคุโกะโระโมะรูปดอกเบญจมาศ ส่วนฤดูหนาวก็ทำยูคิโมจิ หรือโมจิหิมะ เป็นต้นมาถึงการแบ่งประเภทของวากาชิกันบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจนเพราะขนมแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว<br /><br /><span style="color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" ><span style="font-weight: bold;">โจ นะมะกะชิ (Jyo-Namagashi, Jonamagashi)<br /><br /></span></span><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-8i2qL3QBExM/TmR6xt5WnVI/AAAAAAAAB4A/SjHD9-QztJs/s1600/Jonamagashi2.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 196px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-8i2qL3QBExM/TmR6xt5WnVI/AAAAAAAAB4A/SjHD9-QztJs/s400/Jonamagashi2.jpg" alt="โจ นะมะกะชิ (Jyo-Namagashi, Jonamagashi)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648774827181776210" border="0" /></a>ขนมญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มนี้ เป็นแป้งห่อไส้ถั่วแดงบดหรือ <span style="font-weight: bold;">"อัน" (An)</span> แป้งที่นำมาห่อหุ้มมีทั้งแป้งท้าวยายม่อม แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า ปั้นเป็นรูปทรงต่างๆทั้งดอกไม้ ผลไม้ พระจันทร์ ซึ่งจะออกแบบให้เข้ากับฤดูกาล ทั้งชื่อขนม ส่วนผสม รูปทรงและสีสัน เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนได้รู้ว่าฤดูกาลใหม่กำลังจะมาเยือน เช่น ซากุระโมจิ (โมจิสีชมพูห่อด้วยใบซากุระ) ซึ่งจะออกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >ฮิงะชิ (Higashi - Dried Sweets)</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-l1yDk9Cfp4k/TmR7AA-U96I/AAAAAAAAB4I/VY7jgtAlILw/s1600/higashi.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 151px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-l1yDk9Cfp4k/TmR7AA-U96I/AAAAAAAAB4I/VY7jgtAlILw/s400/higashi.jpg" alt="ฮิงะชิ (Higashi - Dried Sweets)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648775072821082018" border="0" /></a>เป็นขนมแบบแห้ง เก็บไว้ได้นาน ทำจากแป้งข้าวเหนียว น้ำตาล และวาซัมบงโตะ (Wasambon-to) น้ำตาลผงที่ทำด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมผสมกันแล้วนำมาอัดในพิมพ์ ได้ขนมที่ผิวเป็นแป้งแห้งๆคล้ายขนมโก๋ เสิร์ฟในพิธีชงชา<br /><br />A glutinous rice flour, sugar and starch mixture or wasambonto is pressed in molds to form dry sweets<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >เซมเบ้ (Sembei)</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-862Ku7AdxI8/TmR9MAmcmCI/AAAAAAAAB4o/wJy-mE7zGD8/s1600/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2589_Sembei.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 269px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-862Ku7AdxI8/TmR9MAmcmCI/AAAAAAAAB4o/wJy-mE7zGD8/s400/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2589_Sembei.jpg" alt="เซมเบ้ (Sembei)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648777477902604322" border="0" /></a>เป็นข้าวเกรียบสีน้ำตาล เคี้ยวกรุบกรอบ มีหลากรูปร่างหลายขนาด (ใหญ่ที่สุดที่เคยเห็นก็ขนาดเท่าแผ่นเสียง) แต่แบบยอดฮิตคือทรงกลมแบนเหมือนที่รองแก้ว ทำจากข้าวเหนียวนำมาปิ้ง แต่งรสด้วยโชยุและเกลือเป็นหลัก ราดหน้าด้วยงา สาหร่าย พริก เพิ่มกลิ่น เพิ่มรสให้อร่อยกันได้หลายแบบ นอกจากนี้ยังมีเซมเบ้แบบหวานหรือซาราเมะ เซมเบ้ (Sarame Sembei) ทำจากแป้งสาลี น้ำตาลและกลูโคส<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >โมะนะกะ (Monaka)</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-1mvhIfTnrp4/TmR7r9Tj5KI/AAAAAAAAB4Y/K1gSeUGer54/s1600/monaka.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 151px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-1mvhIfTnrp4/TmR7r9Tj5KI/AAAAAAAAB4Y/K1gSeUGer54/s400/monaka.jpg" alt="โมะนะกะ (Monaka)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648775827750642850" border="0" /></a>คือเวเฟอร์ไส้ถั่วแดง มีทั้งถั่วบดและแบบเต็มเม็ด ประกอบด้วยแผ่นแป้งบางกรอบทำจากข้าวเหนียว ทำเป็นรูปวงกลม สี่เหลี่ยมดอกซากุระ และอีกสารพัดรูปแล้วแต่จะสร้างสรรค์ โดดเด่นที่ความกรอบกับความนิ่มผสานกับรสหวานๆมันๆ นอกจากไส้ถั่วแดงแล้วยังมีไส้ชาเขียวและถั่วอื่นๆด้วย<br /><br />Monaka refers to sweets made of adzuki bean filling sandwiched between two thin crisp wafers made from sticky-rice. Wafers are shaped in cherry blossoms, chrysanthemum and so on.<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >โยคัง (Yokan)</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-j89ZO7Y__uU/TmR8l2jeRjI/AAAAAAAAB4g/818-bB_Dv9s/s1600/yokan.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 151px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-j89ZO7Y__uU/TmR8l2jeRjI/AAAAAAAAB4g/818-bB_Dv9s/s400/yokan.jpg" alt="โยคัง (Yokan)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648776822370747954" border="0" /></a>หรือที่เรารู้จักกันในนาม <span style="font-weight: bold;">"วุ่นถั่วแดง"</span> ใช้ส่วนผสมหลักคือวุ้นที่ได้จากสาหร่าย เรียกว่า <span style="font-weight: bold;">คันเตน (Kanten)</span> แบ่งได้ 2 แบบใหญ่ๆ คือ <span style="font-weight: bold;">มิซุ โยคัง</span> เป็นวุ้นใสๆแช่เย็น กินในฤดร้อนผสมผลไม้ลงไป ได้รสหวานเย็น หอมชื่นใจ อีกชนิดคือ <span style="font-weight: bold;">มุชิ โยคัง</span> เป็นวุ้นขุ่นๆ เนื้อนิ่มเหนียว ตัดเป็นชิ้นเหลี่ยมพอคำ ทำจากถั่ว เกาลัด หรือมันที่บดละเอียด แป้งสาลี น้ำตาล และคันเตน<br /><br />Yokan is a thick jellied sweet made of adzuki bean paste, kanten, and sugar. One of the most popular among Japanese sweets, evolved during the Edo period (1603 - 1867) as sugar became more available. It can be kept longer and is a recommended gift item.<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >มันจู (Manjyu, manju)</span><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-zLdLoPXOi3M/TmR9wlfsXTI/AAAAAAAAB4w/yIEOD-Sp4hY/s1600/manju.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 236px; height: 170px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-zLdLoPXOi3M/TmR9wlfsXTI/AAAAAAAAB4w/yIEOD-Sp4hY/s320/manju.jpg" alt="มันจู (Manjyu, manju)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648778106281680178" border="0" /></a><br />เป็นขนมกลมๆแป้งด้านนอกที่ห่อทำจากแป้งมันเทศ (บางครั้งใช้แป้งโซบะ) ไส้เป็นถั่วบดและมีมันเทศหรือเกาลัดอยู่ตรงกลางไส้อีกที นำไปนึ่ง อบหรือย่าง จึงได้ขนมอร่อยโดยเฉพาะขนมโมมิจิมันจูที่เมืองมิยาจิมาโดดเด่นที่ห่อด้วยใบเมเปิล มีหลายไ ส้ทั้งถั่วแดงบด คัสตาร์ด ช็อคโกแลต ถือเป็นขนมชื่อดังที่ไม่ว่าใครไปเยือนก็ต้องลองชิม<br /><br />Steamed bun like sweets. A dough made from joyo (Japanese yams) or flour that is steamed, made into a bun and filled with bean paste.<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >ดังโกะ (Dango)</span><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-ok_OrVMt37w/TmR_ZITdMzI/AAAAAAAAB44/WsWEEGbOxSw/s1600/nakamura_dango.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 300px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-ok_OrVMt37w/TmR_ZITdMzI/AAAAAAAAB44/WsWEEGbOxSw/s400/nakamura_dango.jpg" alt="ดังโกะ (Dango)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648779902331990834" border="0" /></a>ที่ญี่ปุ่นนั้นมีเป็นสิบสูตร แต่ที่หน้าตาเหมือนลูกชิ้นเสียบไม้ที่บ้านเราเห็นกันเรียกว่า คุชิ ดังโกะ ทำจากแป้งโมจิ บางครั้งก็ผสมเต้าหู้ลงไปในแป้งด้วย ปั้นเป็นลูกกลม เสียบไม้แล้วนำไปปิ้ง ได้ลูกชิ้นแป้งนุ่มๆเหนียวๆราดซอสโชยุ ซอสเต้าเจี้ยว หรือเกาลัดบด หรือบางครั้งจะโรยด้วยถั่วบดกับน้ำตาลทรายแดง<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >ไดฟุกุ (Daifuku) </span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-C_tWMUG31Rc/TmR_va2HVZI/AAAAAAAAB5A/aYBTZj72BUs/s1600/%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B0-%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8_Ichigo-Daifuku.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 267px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-C_tWMUG31Rc/TmR_va2HVZI/AAAAAAAAB5A/aYBTZj72BUs/s400/%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B0-%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8_Ichigo-Daifuku.jpg" alt="อิจิโกะ-ไดฟุกุ_Ichigo-Daifuku" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648780285266318738" border="0" /></a>ที่เมืองไทยมักเรียกว่าโมจิไส้ถั่วแดง แต่จริงๆเขาเรียกขนมประเภทนี้ว่าไดฟุกุ แป้งด้านนอกทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่งที่นำมาตีจนเหนียว (โมจิ) มีสีขาว เขียวและชมพู ส่วนไส้ก็เป็นถั่วแดง ที่พิเศษก็จะใส่ผลไม้ลงไป เช่น <span style="font-weight: bold;">อิจิโกะ ไดฟุกุ (Ichigo Daifuku)</span> เป็นโมจิไส้ลูกสตรอร์เบอร์รี่หอมหวาน อร่อยจับใจนอกจากนั้นยังมีไส้เมลอนบดและไอศกรีมรสต่างๆด้วย<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >ไทยะกิ (Tai Yaki)</span><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-vDW9-B-FUuY/TmSBMHx5lBI/AAAAAAAAB5I/tRCDMhgXg4Y/s1600/taiyaki.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 400px; height: 188px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-vDW9-B-FUuY/TmSBMHx5lBI/AAAAAAAAB5I/tRCDMhgXg4Y/s400/taiyaki.jpg" alt="ไทยะกิ (Tai Yaki)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648781877876200466" border="0" /></a>ขนมยอดฮิตสำหรับหน้าร้อนของญี่ปุ่น ขนมหน้าตาน่ารักรูปปลาตัวเท่าผ่ามือ เป็นขนมที่จำลองรูปแบบของปลากะพงแดง เรียกอีกชื่อว่า <span style="font-weight: bold;">"แพนเค้กญี่ปุ่น"</span> เนื้อแป้งแน่นและเหนียวนุ่ม สอดไส้ถั่วแดงบด นอกจากไส้ถั่วแดงมาตรฐานแล้วก็มีไส้เกาลัด ไส้มันหวานและอีกสารพัดไส้ เช่น ไส้ครีมต่างๆอย่าง ช็อคโกแลต ครีม สตอรเบอร์รี่ รูปทรงก็มีสารพัดรูปเช่นกัน ทั้งรูปตุ๊กตา รูปกลมๆ แบนๆ ที่เรียกว่า <span style="font-weight: bold;">อิมะกะวะ ยะกิ</span> และที่รู้จักกันดีที่สุดคือ <span style="font-weight: bold;">โดรายากิ </span>ขนมสุดโปรดของโดราเอมอนนั่นเอง<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-s0ntcMaB_-4/TmSDXwxHGII/AAAAAAAAB5Q/IG5CyKlARQQ/s1600/Dorayaki.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 204px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-s0ntcMaB_-4/TmSDXwxHGII/AAAAAAAAB5Q/IG5CyKlARQQ/s320/Dorayaki.jpg" alt="โดรายากิ_Dorayaki" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5648784276880562306" border="0" /></a>Taiyaki (literally “baked sea bream”) is a Japanese fish-shaped cake. The most common filling is red bean paste that is made from sweetened azuki beans. Other common fillings may be custard, chocolate, or cheese. Some shops even sell taiyaki with okonomiyaki, gyoza filling, or a sausage inside.Taiyaki is made using regular pancake or waffle batter. The batter is poured into a fish-shaped mold for each side. The filling is then put on one side and the mold is closed. It is then cooked on both sides until golden brown. Taiyaki was first baked by a sweet shop Naniwaya in Azabu, Tokyo in 1909, and now can be found all over Japan, especially at food courts of supermarkets and Japanese festivals.<br />They are similar to imagawayaki (今川焼き?), which are thick round cakes also filled with sweet azuki bean paste or custard.<br /><br /><span style="font-size:85%;"><br />credit:<br /><a target="_blank" href="http://www.imageholiday.com/wizContent.asp?wizConID=307&txtmMenu_ID=7">http://www.imageholiday.com</a><br /><a target="_blank" href="http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=2507317">http://www.siamzone.com</a><br /><a target="_blank" href="http://www.kk-design.com/scti/in103/students/wagashi/who/types.html">http://www.kk-design.com</a><br /><a target="_blank" href="http://www.tastydays.com/recipes/cuisines/japanese-recipes/taiyaki">http://www.tastydays.com</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-67324164912813816152011-08-26T15:55:00.012+07:002011-08-26T16:15:27.286+07:00รวมสุดยอดความอร่อยจากฮอกไกโด! Hokkaido Food Fair 2011<span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 0, 0);">ISETAN Hokkaido Food Fair 2011 @Isetan, Bangkok</span><span style="font-weight: bold;">
<br />
<br />Venue : ห้างสรรพสินค้า ISETAN (Central World Plaza), Promotion Space 5th floor</span> <span style="font-weight: bold;">
<br />
<br />Date : 25 สิงหาคม - 5 กันยายน 2011 (วันสุดท้ายปิด 19:00 น.)</span>
<br />
<br />
<br /><span style="color: rgb(204, 0, 0); font-weight: bold;font-size:130%;" >ISETAN Hokkaido Food Fair รวมสุดยอดความอร่อยจากฮอกไกโด! </span>
<br />
<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-jtUbQNz8lso/Tldgxaak_uI/AAAAAAAAB0Y/wfQc0VtA0n0/s1600/Isetan-Hokkaido-food-fair-2011.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 268px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-jtUbQNz8lso/Tldgxaak_uI/AAAAAAAAB0Y/wfQc0VtA0n0/s320/Isetan-Hokkaido-food-fair-2011.jpg" alt="รวมสุดยอดความอร่อยจากฮอกไกโด! ISETAN Hokkaido Food Fair 2011 " id="BLOGGER_PHOTO_ID_5645087059952860898" border="0" /></a>มาแล้วค่ะ!! หลายคนคงกำลังรออยู่เลยใช่มั้ยล่ะคะ กับงานที่รวมของอร่อยหลากหลายเมนูส่งตรงจากฮอกไกโด ในงาน ISETAN Hokkaido Food Fair แม้ว่าปีนี้ หลายพื้นที่ในญี่ปุ่นจะต้องเจอกับปัญหาอะไรหลายๆ อย่าง แต่ Hokkaido ดินแดนของอร่อยที่หลายคนชื่นชอบยังคงแข็งแรงดีอยู่ค่ะ!!! และ ISETAN ก็ไม่พลาดที่จะคัดสรรของอร่อยจากฮอกไกโดอย่างพิถีพิถัน นำกลับมาให้บรรดาคนรักฮอกไกโดในกรุงเทพได้อิ่มอร่อยกันอีกครั้ง!! ปีนี้ Hokkaido Fair เค้ามีของอร่อยอะไรมายั่วน้ำลายเราบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
<br />
<br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >Confecti</span><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >onery</span>
<br />
<br />พูดถึงฮอกไกโด ต้องไม่พลาด Hokkaido Sweets! เหล่าขนมแสนอร่อยจากฮอกไกโดจากที่ได้ส่วนผสมสดใหม่จากธรรมชาติอันกว้างใหญ่ของฮอกไกโด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากนม ไม่ว่าจะเป็น เนยหรือชีสที่เข้มข้นหอมมันขึ้นชื่อไม่เคยทำให้ผิดหวังในความอร่อย!
<br />
<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://3.bp.blogspot.com/-TLXFyzPn7-4/Tldh4t3HnYI/AAAAAAAAB0g/ANMgsyalv70/s1600/Torokeru-Nama-Donut.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 136px;" src="http://3.bp.blogspot.com/-TLXFyzPn7-4/Tldh4t3HnYI/AAAAAAAAB0g/ANMgsyalv70/s200/Torokeru-Nama-Donut.jpg" alt="Torokeru Nama Donut" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5645088284943555970" border="0" /></a><span style="font-weight: bold;">Torokeru Nama Donut โดนัทสดรสช็อคโกแลต หอม นุ่ม ละลายในปากShiroi Renka เค้กช็อคโกแลตลายอิฐ</span>
<br />
<br />เริ่มจากร้าน Waraku Dou ที่ถึงแม้จะมีขนมอร่อยมากมายในฮอกไกโด ความอร่อยขึ้นชื่อจากขนมของร้านนี้ ทำให้ได้รับความสนใจจากสื่อต่างๆ ของญี่ปุ่นมากมาย เป็นหนึ่งในร้านยอดนิยมของซัปโปโร เมืองหลวงของฮอกไกโด
<br />
<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://2.bp.blogspot.com/-kc5cRZ3f3ns/TldiFGPYOPI/AAAAAAAAB0o/pX62jE7-Ajs/s1600/Shiroi-Renka.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 136px;" src="http://2.bp.blogspot.com/-kc5cRZ3f3ns/TldiFGPYOPI/AAAAAAAAB0o/pX62jE7-Ajs/s200/Shiroi-Renka.jpg" alt="Shiroi Renka" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5645088497646188786" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(102, 0, 0);">"Torokeru Nama Donut"</span> โดนัทสดรสช็อคโกแลต หอม นุ่ม ละลายในปาก เนื้อเค้กนุ่มฟูรูปโดนัทกลมกล่อมเข้มข้นด้วยช็อคโกแลตแท้ๆ หวานมัน และ<span style="font-weight: bold; color: rgb(153, 0, 0);"> เค้กช็อคโกแลตชึ้นชื่อ "Shiroi Renka"</span> ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปก้อนอิฐ แต่หนานุ่มด้วยเนื้อ Chocolate Sponge จากส่วนผสมของแป้งสาลีของฮอกโกโด นำมาสอดไส้ช็อคโกแลตครีมที่มีความหอมมันจากนมสดของฮอกไกโด ทำเป็นเลเยอร์ 3 ชั้น แล้วเคลือบให้เนียนด้วยช็อคโกแลตคุณภาพสูง ปิดท้ายด้วยผงโกโก้หอมๆ ที่โรยเคลือบไว้คนทั่วทั้งก้อน อืมมม... ว่าแล้วก็อยากกิน Shiroi Renka คำโตๆ ขึ้นมาทันทีเลย
<br />
<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-WqVg1p_96As/TldiXkttCiI/AAAAAAAAB0w/YNe4tRFS6F8/s1600/Kitano-Nama-Choux.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 136px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-WqVg1p_96As/TldiXkttCiI/AAAAAAAAB0w/YNe4tRFS6F8/s200/Kitano-Nama-Choux.jpg" alt="Kitano Nama Choux" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5645088815064091170" border="0" /></a>ส่วนของอร่อยจากร้าน Bake de Arles ร้านขนมฝรั่งชื่อดังของฮอกโกโด จากส่วนผสมที่พิถีพิถันเลือกสรรมาโดยฝีมือของเชฟผู้เชี่ยวชาญ สร้างสรรค์รสชาติแสนอร่อยที่หาได้ยาก... แต่นำมาให้ชิมกันแล้วในงาน ISETAN Hokkaido Fair!!
<br />
<br /><span style="font-weight: bold;">"Kitano Nama Choux"</span> ชูครีมซึ่งเป็น Signature ของร้านเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากงาน Hokkaido Processed Food Fair ปี 2000 เปลือกด้านนอกทำจากส่วนผสมเนื้อคุกกี้สูตรพิเศษที่ให้ความบางกรอบ แต่ภายในอัดแน่นด้วยเนื้อคัสตาร์ดครีมสดใหม่สูตรฮอกไกโด ผสมกับ Maple Syrup หอมหวาน ไม่มีสารกันเสีย ออกมาเป็น Kitano Nama Choux แสนอร่อย หวานกำลังดี และที่พลาดไม่ได้อีกอย่างก็คือ เค้กครีมสด ราดเบอร์รี่ซอส ซึ่งทางร้านนำมาจำหน่ายในงานนี้ด้วยเช่นกัน
<br />
<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-c1S1ypO7zJM/TldihwTcQdI/AAAAAAAAB04/K2rlQCL-Hwc/s1600/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2594-%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AA.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 136px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-c1S1ypO7zJM/TldihwTcQdI/AAAAAAAAB04/K2rlQCL-Hwc/s200/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2584%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2594-%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AA.jpg" alt="เค้กครีมสด ราดเบอร์รี่ซอส" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5645088989973856722" border="0" /></a>และในงาน Hokkaido Food Fair ที่อิเซตันในครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องไม่พลาดอาหารและขนมหลายอย่างที่เคยทำให้ทุกคนติดใจกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น คุกกี้ช็อคโกแลต Shiroi Koibito จากโรงงานช็อคโกแลต Ishiya, มารุเซอิ แซนด์วิชบัตเตอร์, ขนมเค้กซังโปโระคุ กลับมาให้ทุกคนได้ลิ้มรสความอร่อยกันเหมือนเดิม
<br />
<br />
<br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(255, 102, 0);font-size:130%;" >Delicatessen</span>
<br />
<br />ภายในงานก็ยังมีอาหารขึ้นชื่อของฮอกไกโดที่นำมาเปิดตัวที่ Hokkaido Food Fair เป็นครั้งแรก ได้แก่ <span style="font-weight: bold;">Hokkaido Soup Curry</span> ซุปแกงกะหรี่ญี่ปุ่นที่เผ็ดหอมเครื่องเทศในน้ำซุปกระดูกหมู และ ไก่ ใครที่เป็นแฟนข้าวหน้าแกงกะหรี่ญี่ปุ่นลองมาชิมแกงกะหรี่ เวอร์ชั่นน้ำซุปจากฮอกโกโดที่หอมอร่อยและแตกต่างจากที่เคยกินกันมาดูบ้าง รวมไปถึงราเม็ง ข้าวหน้าหมู รวมไปถึงข้าวหน้าปลาดิบสดๆ เต็มคำ จากฮอกไกโดค่ะ!!
<br />
<br />และของขึ้นชื่อจากฮอกไกโดอีกอย่างที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดเลย นั่นก็คือ ปลาหมึกยัดไส้ข้าว ซึ่งเป็นข้าวกล่องตามสถานีรถไฟที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ใครยังไม่เคยลองว่ารสชาติเป็นยังไง อย่าลืมแวะไปซื้อมาลองชิมดูได้ในงานนี้นะคะ
<br />
<br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-4F5lIaDWn8Y/TldiupIEL6I/AAAAAAAAB1A/lgHnTitdhzs/s1600/hokkaido-food-fair-2011.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 70px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-4F5lIaDWn8Y/TldiupIEL6I/AAAAAAAAB1A/lgHnTitdhzs/s320/hokkaido-food-fair-2011.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5645089211385393058" border="0" /></a>นอกจากขนมอร่อยๆ และอาหารจานเด็ดหลากเมนูจากฮอกไกโดแล้ว ยังมีอาหารทะเลนานาชนิดที่ยกขบวนส่งตรงมาจากฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็น ไข่แซลมอนหมักโชยุ ไข่ปลาทาระดองเค็ม เนื้อปลาแซลมอนสดๆ ที่แล่เป็นชิ้นมาให้เรียบร้อยแล้ว ปลาหมึกหมักเกลือ หอยเชลล์อวบๆ ที่มีทั้งแบบย่างมาแล้ว และแบบตากแห้ง หอยสึบุและปลาหมึกปรุงรสวาซาบิ และของอร่อยอื่นๆ อีกเพียบเลยค่ะ
<br />
<br /><span style="color: rgb(255, 0, 0);">** สินค้านำเข้าจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นสินค้าที่ผ่านขั้นตอนพิธีการ และการตรวจปล่อยสินค้าของกองควบคุมอาหารและยาแล้ว **</span>
<br />
<br />Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-59530057755695356462011-08-03T16:42:00.007+07:002011-08-03T17:10:18.836+07:00ใครชอบทานซูชิไม่ควรพลาด! "Jiro Dreams of Sushi"<span style="font-weight: bold;">"A paean to perfectionism and a crafty bit of food porn." - Hollywood Reporter</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">Jiro Ono</span> is the oldest chef in the world to be awarded three Michelin stars, and at 85 remains monomaniacally devoted to his craft. With his tiny 10-seater Tokyo sushi restaurant, Sukiyabashi Jiro, receiving notice from culinary connoisseurs around the world, his unyielding dedication to quality, consistency and perfection continues to produce some of the world's most exquisite (and expensive!) sushi.<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-0StydrhDXZg/TjkcyK5dgYI/AAAAAAAABuk/5774vJddvoM/s1600/Jiro-Dreams-of-Sushi.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 227px; height: 320px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-0StydrhDXZg/TjkcyK5dgYI/AAAAAAAABuk/5774vJddvoM/s320/Jiro-Dreams-of-Sushi.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5636568056875286914" border="0" /></a>Mostly filmed within the routine confines of his kitchen, and littered with lingering shots of to-die-for sushi, Ono's claustrophobic world is far from perfect. His two sons Yoshikazu and Takashi struggle with the long shadow cast by their father's fame.<br /><br />"A compelling hymn to craftsmanship and taste in every sense." - Variety<br /><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(204, 102, 0);font-size:130%;" >Jiro Dreams of Sushi</span><br /><br />ใครชอบทานซูชิไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้!<br /><br />House Rama RCA ได้ประกาศกำหนดการทาง facebook ถึงการเข้าฉายของ ภาพยนตร์สารคดีที่จะทำให้ทุกคนหิวตลอดทั้งเรื่อง<span style="font-weight: bold;"> Jiro Dream of Sushi</span> ในเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอน ^^ เป็นเรื่องราวของชีวิตจริงของพ่อครัวซูชิระดับมาสเตอร์ <span style="font-weight: bold;">Jiro Ono</span> อายุ 85 ปีที่เป็นผู้ดูแลกิจการร้านอาหาร Sukiyabashi ที่โตเกียว หนังเรื่องนี้น่าดูมากทีเดียว เพราะได้รับเสียงตอบรับจากทั่วโลกเป็นอย่างดี คุณจะได้สัมผัสเรื่องราวศิลปะในการทำอาหารของญี่ปุ่น ผ่านผู้อาวุธโสที่รักในอาชีพของเค้า ต้องอดใจรอกันอีกนิดหากกำหนดการมาแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีนะจ๊ะ<br /><br /><br />follow on Facebook : <a target="_blank" href="http://www.facebook.com/jirodreamsofsushimovie">http://www.facebook.com/jirodreamsofsushimovie</a><br /><br /><div style="text-align: center;"><iframe src="http://www.youtube.com/embed/Hi1jxRanimU?fs=1" allowfullscreen="" frameborder="0" height="295" width="480"></iframe><br /></div><br /><br /><span style="font-size:85%;"><span style="font-weight: bold;">credits: </span><br /><a target="_blank" href="http://tickets2.miff.com.au/session2.asp?sn=JIRO+DREAMS+OF+SUSHI&s=834">http://tickets2.miff.com.au/session2.asp?sn=JIRO+DREAMS+OF+SUSHI&s=834</a><br /><a target="_blank" href="http://entertainment.marumura.com/?p=1970">http://entertainment.marumura.com/?p=1970</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-33428655162190148962011-07-11T15:22:00.008+07:002011-07-13T10:30:50.621+07:00รวมสูตร Gyu Don : ข้าวหน้าเนื้อ (กิวด้ง) อาหารยอดฮิตของคนญี่ปุ่น<span style="font-weight: bold;font-size:130%;" >รวมสูตร Gyu Don : ข้าวหน้าเนื้อ (กิวด้ง) อาหารยอดฮิตของคนญี่ปุ่น</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">ข้าวหน้าเนื้อ ( กิวด้ง ) / Gyudon </span>: หนึ่งในอาหารญี่ปุ่นจานด่วน ที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พนักงานกินเงินเดือน นักเรียน นักศึกษา เพราะทั้งอร่อยและอิ่มท้อง และประหยัดเงินไปได้เยอะ เนื่องจาก ข้าวหน้าเนื้อ Gyudon มีทั้งข้าว ผักและเนื้อที่ต้องใช้เวลาในการย่อยจึงทำให้อิ่มนาน และยังเป็นอาหารจานเดียวของญี่ปุ่นที่มากด้วยคุณค่าทางอาหาร คนญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานกันทั่วไป<br /><br /><span style="font-weight: bold;">ข้าวหน้าเนื้อ Gyudon ( กิวด้ง ) </span>มีหลากหลายสูตร แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีส่วนผสมหลักที่คล้ายคลึงกัน อันได้แก่ เนื้อวัว หัวหอมใหญ่ ไวน์ขาว และซอสต่างๆตามสูตร ท่านใดที่นิยมรับประทานอาหารตามสั่ง อาหารจานเดียวของไทยมานาน ถ้าอยากจะลองเปลี่ยนรสชาติ หันมารับประทานอาหารจานเดียวแบบญี่ปุ่นดูบ้างก็ไม่เลวนะค่ะ ลองดูสูตรกันเลย<br /><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">Gyudon // ข้าวหน้าเนื้อ ( กิวด้ง )</span><br />วันนี้...เอาเมนูอาหารจานเดียว (จานด่วน) มาฝากค่ะ สูตรของข้าวหน้าเนื้อที่นำมาเสนอนี้เป็นของ ร้านโยชิโนะยะ (吉野家 - Yoshinoya )<br />ซึ่งปัจจุบันี้....เมนู...ข้าวหน้าเนื้อ (กิวด้ง) ไม่ได้ทำขายแล้วค่ะ ตั้งแต่มีข่าวเรื่องโรควัวบ้าระบาด (ประมาณ 1 ปีกว่า ๆ) ญี่ปุ่นนำเข้าเนื้อวัวจากต่างประเทศน้อยลง ทางร้านฯ เลยเปลี่ยนเมนูเป็นข้าวหน้าหมู (บูตะด้ง) แทน ลักษณะและวิธีทำเหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่เปลี่ยนจากเนื้อวัวมาเป็นเนื้อหมูแทน ความอร่อยลดไปนิดหน่อย....จากที่เพื่อน ๆ หลายคนบอกนะค่ะ ...<br /><a target="_blank" href="http://www.pantown.com/board.php?id=13261&area=4&name=board1&topic=12&action=view">http://www.pantown.com/board.php?id=13261&area=4&name=board1&topic=12&action=view</a><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">新聞男 : มา(ลอง)ทำข้าวหน้าเนื้อหมูกันเถอะ + เจริญหูเจริญตา...Aragaki Yui</span><br />มาอีกครั้งแล้วครับกับซี่รีย์มาลองทำอาหารกันเถอะกับ 新聞男(คนเดิม) วันนี้ขอเสนออาหารประเภทข้าวทำสุดง่ายๆ(ง่ายจริงครับ) นั้นก็คือ ข้าวหน้าเนื้อหมู-豚丼-Buta Don หากเคยดูการ์ตูนเรื่องคินนิคุแมน-筋肉マン-Kinniku Man แล้วล่ะก็คงจะจำอาหารสุดโปรดของคินนิคุแมนก็ได้ ครับนั้นก็คือข้าวหน้าเนื้อวัว (ที่มันชอบร้องเพลงว่า ต้องข้าวเนื้อวัว เจ้าเก่า 300 ปี อ๊ะ โช๊ะๆ ไม่รู้ถูกป่ะ จำไม่ค่อยได้แล้ว) อันนั้นก็เป็นอาหารแบบเดียวกันนั้นแหละครับ แต่เปลี่ยนจากเนื้อหมูเป็นเนื้อวัวแทน ที่ไม่ใช้่เนื้อวัว ...<br /><a target="_blank" href="http://p033p.exteen.com/20061007/26032-32862-30007-aragaki-yui">http://p033p.exteen.com/20061007/26032-32862-30007-aragaki-yui</a><br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-umTYEx50WqQ/Thq5iinxr1I/AAAAAAAABlM/YoeNCGbAGQI/s1600/Gyudon_%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD_%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 231px; height: 320px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-umTYEx50WqQ/Thq5iinxr1I/AAAAAAAABlM/YoeNCGbAGQI/s320/Gyudon_%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD_%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5628014687413186386" border="0" /></a><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">Gyudon ข้าวหน้าเนื้อ</span><br />เมนูนี้ทำง่ายๆเลยค่ะ เจี๊ยบก็หาสูตรทางเนต แล้วก็เอาสูตรมาผสมกันให้มั่วไปหมด ได้ออกมาแบบนี้ ถูกใจตัวเองและคนข้างๆ ส่วนใครเอาไปลองทำก็ปรับเปลี่ยนได้ตามใจปากเลยนะคะ ตามใจผู้กินค่ะ ข้าวหน้าเนื้อGyudon (หรือจะใช้หมูก็ได้จ้า) สูตรนี้สำหรับ 2 คนนะคะ<br /><a target="_blank" href="http://www.pantown.com/board.php?id=5495&area=4&name=board20&topic=68&action=view">http://www.pantown.com/board.php?id=5495&area=4&name=board20&topic=68&action=view</a><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น >> โหระพา เว็บรวมเมนูอาหาร และทุกอย่างเกี่ยวกับ อาหาร</span><br />ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น. ส่วนผสม ... เนื้อสันใน, 200 กรัม. ต้นหอมซอยเป็นเส้น, 2 ต้น. หอมใหญ่หั่นเสี้ยว, 1/2 หัว ... วิธีทำ 1. ล้างเนื้อสันใน หั่นชิ้นบาง พักไว้ ...<br /><a target="_blank" href="http://www.horapa.com/content.php?Category=Japan&No=579">http://www.horapa.com/content.php?Category=Japan&No=579</a><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">Sweet Tooth: Gyudon: ข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น</span><br />ช่วงนี้กินแต่อาหารญี่ปุ่น แบบวันเกิดใครก็ Fuji แต่จริงๆเราชอบ Zen กับ Fumi มากกว่า เมื่อวันอาทิตย์ก็สั่งข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่น (Gyudon) มากิน ก็สงสัยว่าจานนี้ทำไมได้เนื้อน้อยจังวะ ประมาณ 70% นี่เป็นข้าว ที่เหลือเนื้อ 3-4 ชิ้น มันไม่จุใจ คิดว่าบางคนก็อาจคิดเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรเรามีทางแก้ ขึ้นชื่อว่าอาหารญี่ปุ่น อย่าไปคิดว่าทำยาก ...<br /><a target="_blank" href="http://yv3lin3.blogspot.com/2010/07/gyudon.html">http://yv3lin3.blogspot.com/2010/07/gyudon.html</a><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">สอนทำอาหารญี่ปุ่น ข้าวหน้าเนื้อ Gyudon</span><br />19 ก.พ. 2010 – เมื่อวานนี้มีผู้เข้าชมเว็บโพสท์จัง 231903 คน / 1772370 หน้า ติดต่อโฆษณา ... โพสท์จัง > วีดีโอ > สอนทำอาหารญี่ปุ่น ข้าวหน้าเนื้อ Gyudon ...<br /><a target="_blank" href="http://video.postjung.com/7959.html">http://video.postjung.com/7959.html</a><br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 153, 0);">ข้าวหน้าเนื้อGyudon - My.iD</span><br />สูตรนี้สำหรับ 2 คนนะคะ... เนื้อ หรือ หมู หั่นชิ้นบาง 200-250 กรัม ขิงขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ. หอมใหญ่ หัวใหญ่ หั่นเสี้ยว ครึ่งหัว ถ้าหัวเล็กใช้ทั้งหัว. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ. ไวน์ขาวสำหรับหมักหมู 1 ช้อนโต๊ะ. ข้าวสวย 2 ถ้วย...<br /><a target="_blank" href="http://writer.dek-d.com/ritabunny/story/viewlongc.php?id=472583&chapter=46">http://writer.dek-d.com/ritabunny/story/viewlongc.php?id=472583&chapter=46</a><br /><br />......................................................................................................................................................Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-38092475533718168772011-07-07T15:14:00.005+07:002011-07-11T11:05:08.539+07:00มารยาทบนโต๊ะอาหาร ของชาวญี่ปุ่น (Japanese Table Manners Tips)<span style="font-weight: bold;">มารยาทบนโต๊ะอาหาร ของชาวญี่ปุ่น (Japanese Table Manners Tips)</span><br /><br />อาหารญี่ปุ่นมีหลายตำรับ ซึ่งแต่ละตำรับก็มีความน่าสนใจ บ่งบอกวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี และมีรสชาติที่อร่อยและเป็นเอกลักษณ์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่น จึงควรศึกษาถึงวัฒนธรรม ขนมธรรมเนียม และมารยาทบนโต๊ะอาหารของญี่ปุ่น เพราะคุณอาจจะมีโอกาสได้ร่วมรับประทานอาหารญี่ปุ่นกับชาวญี่ปุ่น หรือได้ไปรับประทานอาหารญี่ปุ่นกันถึงถิ่น "ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย" ในสักวันนึงก็เป็นได้ ดังนั้นการเรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารของชาวญี่ปุ่นนั้น จึงเป็นสิ่งที่ควรศึกษาไว้เป็นความรู้ที่ติดตัวเป็นอย่างยิ่ง<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 102, 0);font-size:130%;" ># เรื่องของการใช้ "ตะเกียบ"</span><br /><br />เนื่องจาก ชาวญี่ปุ่นนั้นแทบทุกบ้านจะใช้ตะเกียบในการรับประทานอาหาร จะมีธรรมเนียมในการใช้ตะเกียบที่เคร่งครัด ดังนั้นเรียนรู้มารยาทการรับประทานอาหารด้วยตะเกียบ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง<br /><br /><a target="_blank" href="http://4.bp.blogspot.com/-oy076bKGEyI/ThLS8I4bpZI/AAAAAAAABh8/4etx4LlvICU/s1600/Japanese-Table-Manners-Tips.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 214px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-oy076bKGEyI/ThLS8I4bpZI/AAAAAAAABh8/4etx4LlvICU/s320/Japanese-Table-Manners-Tips.jpg" alt="มารยาทบนโต๊ะอาหาร ของชาวญี่ปุ่น (Japanese Table Manners Tips)" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5625790815157331346" border="0" /></a>การปฎิบัติเหล่านี้บนโต๊ะอาหารเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:<br /><br />1. การปักตะเกียบลงบนข้าว ไม่ควรปักตะเกียบลงบนข้าว การกระทำแบบนั้นแสดงว่านั่นเป็นข้าวสำหรับผู้ตาย รวมทั้งไม่ควรเสียบอาหารด้วยตะเกียบด้วย<br /><br />2. การคีบอาหารส่งกันไปมาทางตะเกียบเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่ควรใช้ตะเกียบของตนส่งอาหารให้กับผู้อื่น ทั้งนี้ก็เพราะกิริยาดังกล่าว เป็นวิธีการที่ใช้กันในพิธีศพของญี่ปุ่น ซึ่งมีการคีบกระดูกคนตายส่งและรับต่อๆ กันด้วยตะเกียบ<br /><br />3. การกำตะเกียบเป็นกิริยาที่ไม่ดี<br /><br />4. การจับตะเกียบ และถ้วยข้าวด้วยมือเดียวกัน ก็ถือว่าเป็นกิริยาที่ไม่ดี<br /><br />3. การเลื่อนชามไปข้างหน้าด้วยตะเกียบ การทำแบบนี้เป็นการแสดงความไม่สุภาพอย่างมาก ถ้าต้องการขยับเขยือนหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของอะไรบนโต๊ะอาหาร ควรใช้มือจะสุภาพกว่าเยอะ<br /><br />4. การใช้ตะเกียบเลือกอาหารที่มีรสอร่อย หรือน่ากินในจานอาหาร การถือตะเกียบจดๆจ้องๆ ไตร่ตรองถึงสิ่งที่จะนับประทานอาหารบนโต๊ะอาหาร (หรือพูดง่ายๆว่าก็เล็งรับประทานอะไรไว้ ก็มุ่งหนีบสิ่งนั้นเลยดีกว่า เลือกไปเลือกมาดูเหมือนจะทิ้งของที่ไม่อร่อยให้คนอื่นรับประทาน ชาวญี่ปุ่นเป็นอะไรที่เก็บความรู้สึก ถึงอยากรับประทานก็ต้องมีมารยาทไว้ก่อน อย่าลืมว่าใครๆก็อยากรับประทานของอร่อยในจานเหมือนกัน อย่าเผลอเลือกรับประทานคนเดียวจนหมด<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 102, 0);font-size:130%;" ># เรื่องของ "การกิน"</span><br /><br />1. การกินอาหารญี่ปุ่น อย่าปรุงอะไรเพิ่มโดยไม่จำเป็น พยายามกินทุกอย่างที่เขาเสิร์ฟ และถ้าเป็นอาหารพวกเส้น ก็ควรสูดเส้นแรงๆ เสียงดังๆ นอกจากจะเป็นการเพิ่มอากาศระหว่างที่นำเส้นเข้าปาก ช่วยให้อาหารไม่ค่อยร้อนแล้ว ยังเป็นการแสดงว่าอาหารที่ผู้ปรุงตั้งใจทำมาให้กินนั้น อร่อยและคุ้มค่าต่อการกินให้หมด สำหรับบางท่านที่เห็นอาหารเป็นเซ็ตตอนเอามาเสิร์ฟแล้วรู้สึกว่าน้อย ลองกินทุกจานให้หมด แล้วจะรู้ว่าอิ่มพอดี ไม่น้อยเกินไปหรือมากเกินไปสำหรับนักกินทั่วๆไป<br /><br />2. การทานซุปร้อนๆ ที่หลายๆ คนอาจจะเจอ ปัญหาเปิดฝาถ้วยไม่ออกนั้น จริงๆแล้วเพียงแค่คุณบีบถ้วยด้านข้างเบาๆ พร้อมกับดึงฝาออกเพียงเท่านี้ก็สามารถเปิดฝาถ้วยได้โดยง่ายดาย จากนั้นคุณสามารถใช้ตะเกียบคีบอาหารชินเล็กๆ ในซุปทานแล้วค่อยซดน้ำตามก็ได้ ในการถือถ้วยซุปที่ถูกต้องนั้น คือการถือในระดับอก และยกดื่มน้ำซุปจากถ้วยโดยไม่ต้องใช้ช้อนตัก<br /><br />3. การสั่งอาหารตามหลักแล้ว ควรจะสั่ง "ซาชิมิ" มาทานก่อนสั่งซูชิ และในขณะที่การทานซูชินั้น ให้ทานซูชิหน้าปลาดิบที่เป็นเนื้อสีขาวก่อน แล้วค่อยไล่สีซูชิที่เข้มขึ้นเรื่อยๆ และตบท้ายด้วยซูชิไข่หวาน หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วการทานซูชินั้นคุณสามารถใช้มือหยิบทานได้ โดยคุณต้องหยิบซูชิทางด้านยาว จากนั้นใช้หงายมือเพื่อเอาด้านข้าวปั้นขึ้นข้างบน ขณะที่เอาใส่ปากให้ส่วนที่เป็นหน้า (ซูชิ) แตะกับลิ้น เช่นเดียวกับ ถ้าคุณต้องการเอาซูชิจิ้มกับซอสก่อนรับประทาน คุณต้องหงายซูชิเพื่อเอาด้านข้าวปั้นขึ้นข้างบน แล้วใช้ส่วนที่เป็นหน้าซูชิ แตะกับซอส โดยไม่ให้น้ำซอสโดนข้าว นั่นถึงจะเป็นวิธีการที่ถูกต้อง แต่ทางที่ดีรับประทานแบบไม่จิ้มซอสอะไรเลยจะเป็นมารยาทที่ดีกว่า<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(0, 102, 0);font-size:130%;" ># เรื่องของ "การดื่ม"</span><br /><br />ไม่สุภาพเท่าไรถ้าจะรินเครื่องดื่มให้ตนเองก่อน ควรรินให้ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อน แล้วจึงรินให้กับตัวเอง (อาจจะมีคนอื่นเสนอขอรินให้ด้วยนะ) ในปริมาณที่พอจะบอกผู้ร่วมวงได้ว่า “ฉันก็ดื่มเป็นนะ” ส่วนถ้าจะไม่ดื่มแล้วหรือพอแล้วนั่นเอง ก็เพียงแค่เอามือปิดปากแก้วไว้เท่านั้น<br /><br /><br />......................................................................................................................................................<br /><br /><span style="font-weight: bold;">มารยาทบนโต๊ะอาหารชาวญี่ปุ่น</span><br />มารยาท บนโต๊ะอาหารชาวญี่ปุ่น. การเรียนต่อในประเทศญี่ปุ่นนั้น นักเรียนอาจมีโอกาสได้เข้าร่วมรับประทานอาหารกับชาวญี่ปุ่น ดังนั้นการเรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารนั้น ...<br /><a target="_blank" href="http://www.siamkane.com/jstory_view.php?id=121">http://www.siamkane.com/jstory_view.php?id=121</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น</span><br />หัว ข้อบล๊อก, มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น. มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น ... เพื่อน ๆ ไม่อยากทราบมารยาทบนโต๊ะอาหารของญี่ปุ่นดูหน่อยหรอ ? ...<br /><a target="_blank" href="http://www.showded.com/myprofile/mainblog.php?user=gateau_pp&jnId=84164">http://www.showded.com/myprofile/mainblog.php?user=gateau_pp&jnId=84164</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">ข้อห้ามมารยาทบนโต๊ะอาหารเยอะจัง จากมารยาทสังคมญี่ปุ่น - โรงเรียน ...</span><br />ข้อ ห้ามบางประการเกี่ยวกับมารยาทบนโต๊ะอาหารของญี่ปุ่น. 1. ห้ามหยิบตะเกียบจนกว่าผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่งจะหยิบขึ้นมาก่อน. 2. ห้ามขูดเม็ดข้าวจากตะเกียบ ...<br /><a target="_blank" href="http://preeya.japankiku.com/show.php?id=988">http://preeya.japankiku.com/show.php?id=988</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">เด็กดีดอทคอม > Writer > มารยาทบนโต๊ะอาหาร</span><br />มารยาท บนโต๊ะอาหาร สากล จีน อินเดีย อิตาเลียน ญี่ปุ่น. ... ไม่เท้าคางบนโต๊ะอาหารเด็ดขาด สูบบุหรี่และแคะฟันบนโต๊ะอาหาร ถือเป็นการเสียมารยาทที่สุด ...<br /><a target="_blank" href="http://writer.dek-d.com/yayama/story/view.php?id=133455">http://writer.dek-d.com/yayama/story/view.php?id=133455</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">Bloggang.com : kobnon : รู้ไว้มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น</span><br />4 ธ.ค. 2008 ... ดังนั้นเมื่อเราสนใจที่จะรับประทานอาหารของญี่ปุ่นแล้ว เพื่อน ๆ ไม่อยากทราบมารยาทบนโต๊ะอาหารของญี่ปุ่นดูหน่อยหรอ ? ...<br /><a target="_blank" href="http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=luckystar&month=12-2008&date=04&group=12&gblog=56">http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=luckystar&month=12-2008&date=04&group=12&gblog=56</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น | Yenta4 Webboard</span><br />มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น ให้เพื่อน ส่งให้เพื่อน บอร์ด : แจ้งลบกระทู้ มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น<br /><a target="_blank" href="http://webboard.yenta4.com/topic/285793">http://webboard.yenta4.com/topic/285793</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">elf - Lady's home - มารยาทบนโต๊ะอาหาร</span><br />มารยาท บนโต๊ะอาหารวันนี้นำเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารทั้งที่ควรทำและที่ควรหลีก ... เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมนำไปปฏิบัตินะคะ (โดยเฉพาะคนที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่น)sayonara ...<br /><a target="_blank" href="http://learners.in.th/blog/new-member/93346">http://learners.in.th/blog/new-member/93346</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">รู้ไว้มารยาทบนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น</span><br />ซึ่ง อาหารญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็น หนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพ ของยุคนี้เลยทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาหารญี่ปุ่นนั้นได้รับการยอมรับว่ามีไขมันน้อย ...<br /><a target="_blank" href="http://mos.e-tech.ac.th/e-org/depart/foreign_languages/index.php?option=com_content&view=article&id=150:%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95%E0%B9%91-%m-%EF%BF%BD%C2%B9_%E0%B9%94-%EF%BF%BD%C2%B9_%E0%B9%93-%M-%S&catid=71:-m-m-s&Itemid=94">http://www.mos.e-tech.ac.th</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">เรื่องน่ารู้บนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น</span><br />เรื่อง น่ารู้บนโต๊ะอาหารญี่ปุ่น. ร่วมส่งเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ คลิกที่นี่ ... วันนี้พี่เลยขอเอามารยาทสำคัญๆ ในการทานอาหารญี่ปุ่นมาให้อ่านกันเล่นๆ ...<br /><a target="_blank" href="http://www.eduzones.com/knowledge-2-14-28903.html">http://www.eduzones.com/knowledge-2-14-28903.html</a><br /><br /><span style="font-weight: bold;">เคล็ดลับและมารยาทในโต๊ะอาหาร</span><br />เคล็ด ลับและมารยาทในโต๊ะอาหาร ผู้แต่ง/แปล : TADASHI WATANABE ... ได้อย่างเพลิดเพลินไม่ว่าจะเป็นเวลากินอาหารญี่ปุ่น ฝรั่ง จีน หรือเวลากินอาหารในโอกาสที่เป็น ...<br /><a target="_blank" href="http://www.chulabook.com/description.asp?barcode=9789744433121">http://www.chulabook.com/description.asp?barcode=9789744433121</a>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-60932169292239535512011-07-05T12:11:00.005+07:002011-07-11T14:46:35.751+07:00Tonkotsu ramen (ทงคัสซึ ราเมน)<span style="font-weight: bold;">Tonkotsu ("pork bone") ramen</span> usually has a cloudy white colored broth. It is similar to the Chinese baitang (白湯) and has a thick broth made from boiling pork bones, fat, and collagen over high heat for many hours, which suffuses the broth with a hearty pork flavor and a creamy <a href="http://4.bp.blogspot.com/-a9o3M39JK98/ThLDFXKygHI/AAAAAAAABh0/iuwqcpxROK4/s1600/tonkotsu-ramen.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 213px; height: 320px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-a9o3M39JK98/ThLDFXKygHI/AAAAAAAABh0/iuwqcpxROK4/s320/tonkotsu-ramen.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5625773381425201266" border="0" /></a>consistency that rivals milk or melted butter or gravy (depending on the shop). Most shops, but not all, blend this pork broth with a small amount of chicken and vegetable stock and/or soy sauce. Currently the latest trend in tonkotsu toppings is māyu (マー油/麻油), a blackish, aromatic oil made from either charred crushed garlic or Sesame seeds. The noodles are thin and straight. It is a specialty of Kyūshū and is often served with beni shoga (pickled ginger).<br /><br /><br /><span style="font-weight: bold;">ทงคัสซึ ราเมน</span> คือ ราเมงในน้ำซุปกระดูกหมูสีขาวขุ่น น้ำซุป ทำจากน้ำซุปที่เคี่ยวด้วยกระดูกหมูนานหลายชั่วโมง จนหอมและมีรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม น้ำซุปมีลักษณะสีขาวขุ่น อร่อยล้ำโดยแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม ซุปทงคัสซึ (Tonkotsu soup) นิยมทานกับเส้นราเมนเส้นบางๆตรงๆ บางคนก็ใส่โชยุหรือน้ำมันกระเทียม,น้ำมันงาพริกเผาเพื่อให้รสเข้มข้นขึ้น<br /><br />ลักษณะของซุปทงคัสซึ (Tonkotsu soup) จะคล้ายซุปกระดูกหมูของจีนที่มีสีขาวเช่นกัน เรียกว่า <span style="font-weight: bold;">"Bai tang" (ป๋ายทัง)</span> มีรสชาติออกหวาน<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">info credit: <a href="http://en.wikipedia.org/wiki/Ramen">http://en.wikipedia.org/wiki/Ramen</a><br />image credit: <a target="_blank" href="http://norecipes.com/blog/2009/12/30/tonkotsu-ramen-recipe/">h</a><a target="_blank" href="http://norecipes.com/blog/2009/12/30/tonkotsu-ramen-recipe/">ttp://norecipes.com/blog/2009/12/30/tonkotsu-ramen-recipe/</a></span>Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-71110093806610112352011-06-05T11:13:00.003+07:002011-07-05T12:11:28.071+07:00Shoyu Ramen (โชยุ ราเมน)<span style="font-weight: bold;">โชยุ ราเมนซุป (Shoyu Ramen Soup)</span><br /><br /><span style="font-weight: bold;">Shōyu ramen</span> น้ำซุปที่ใช้ซอสถั่วเหลืองเป็นส่วนผสม สีออกน้ำตาล หรือใส<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://4.bp.blogspot.com/-UjkSmWvyfBo/TesF_KhGVlI/AAAAAAAABG8/hWlC_v0zlUE/s1600/Shoyu-Ramen.jpg"><img style="float: right; margin: 0pt 0pt 10px 10px; cursor: pointer; width: 320px; height: 240px;" src="http://4.bp.blogspot.com/-UjkSmWvyfBo/TesF_KhGVlI/AAAAAAAABG8/hWlC_v0zlUE/s320/Shoyu-Ramen.jpg" alt="Shoyu Ramen โชยุ ราเมน " id="BLOGGER_PHOTO_ID_5614587943160534610" border="0" /></a>เคล็ดลับความอร่อยของ <span style="font-weight: bold;">น้ำซุปโชยุ</span> (Shoyu) "soy sauce" อยู่ที่การตุ๋นน้ำซุปซึ่งใช้เวลานานกว่าค่อนวันเพื่อให้ความหวาน ความหอมและรสชาติที่กลมกล่อม ปรุงด้วยซ๊อสโชยุอย่างดีที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ให้ความเป็นซุปราเมนขนานแท้ซึ่งมีสีน้ำตาลใส นิยมทานกับเส้น ramen เส้นเล็กแบบลอนมากกว่าเส้นชนิดตรง เสิร์ฟร้อนๆให้น้ำลายสอกันเลยทีเดียว<br /><br />Shōyu ramen typically has a brown and clear color broth, based on a chicken and vegetable (or sometimes fish or beef) stock with plenty of soy sauce added resulting in a soup that’s tangy, salty, and savory yet still fairly light on the palate. Shōyu ramen usually has curly noodles rather than straight ones, but this is not always the case. It is often adorned with marinated bamboo shoots or menma (麺媽), green onions, kamaboko (fish cakes), nori (seaweed), boiled eggs, bean sprouts and/or black pepper; occasionally the soup will also contain chili oil or Chinese spices, and some shops serve sliced beef instead of the usual chāshū.<br /><br />......................................................................................................................................................Unknownnoreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-2090389323230275746.post-34156066264103262422011-05-26T13:57:00.003+07:002011-05-26T14:22:41.937+07:00Shio ramen<span style="font-weight: bold;">Shio ramen</span> คือราเมนน้ำซุปที่ปรุงรสจากเกลือ ผัก ไก่หรือกระดูกหมู น้ำซุปจะมีสีเหลืองใสๆ รสชาติเบาๆ และเส้นบะหมี่ส่วนใหญ่จะใช้แบบเส้นตรงและเล็ก ท็อปปิ้งด้วย สาหร่ายทะเล ไข่ต้ม หมูชาชู (หมูย่างหั่นสไลด์) วางไว้อยู่บนราเมนอีกด้วย<br /><br /><a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" target="_blank" href="http://1.bp.blogspot.com/-fLyQmQgVrzo/Td36AcI467I/AAAAAAAABEQ/l-Ex2Ebe6KE/s1600/shio-ramen.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 240px; height: 320px;" src="http://1.bp.blogspot.com/-fLyQmQgVrzo/Td36AcI467I/AAAAAAAABEQ/l-Ex2Ebe6KE/s320/shio-ramen.jpg" alt="Shio ramen" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5610915596233927602" border="0" /></a><span style="font-weight: bold;">Shio ("salt") ramen</span> is probably the oldest of the four and, like the Chinese maotang (毛湯). It is the lightest ramen, a pale, clear, yellowish broth made with plenty of salt and any combination of chicken, vegetables, fish, and seaweed. Occasionally pork bones are also used, but they are not boiled as long as they are for tonkotsu ramen, so the soup remains light and clear. Shio is generally the healthiest kind of ramen; fat content tends to be low, and fresh vegetables like cabbage, leeks, onions, and bamboo shoots typically adorn the simple soup and curly noodles. Chāshū is sometimes swapped out for lean chicken meatballs, and pickled plums and kamaboko are popular toppings as well. Noodle texture and thickness varies among shio ramen, but they are usually straight rather than curly.<br /><br /><br /><span style="font-size:85%;">credit: <a target="_blank" href="http://myjapanesefood.blogspot.com/2011/01/types-and-variations-of-ramen.html">http://myjapanesefood.blogspot.com/2011/01/types-and-variations-of-ramen.html</a></span>Unknownnoreply@blogger.com