อันดับ 10 Almond Chocolate จาก Glico アーモンドチョコレート
เป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายมาตั้งแต่ปี 1958 เป็นขนมที่ทำให้คนญี่ปุ่นได้รู้จักกับความอร่อยของ “อัลมอนด์” กันอย่างแพร่หลาย แล้วก็ได้รับการพัฒนารสชาติ และบรรจุภัณฑ์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
อันดับ 9 Meiji Milk Chocolate (明治ミルクチョコレート)
วางขายตั้งแต่ปี 1926 เป็นขนมช็อกโกแลต ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างโกโก้คัดพิเศษกับนม นอกจากรับประทานเป็นขนมทานเล่นแล้ว คนญี่ปุ่นยังนิยมนำไปเป็นวัตถุดิบในการทำขนมเค้กช็อกโกแลตชนิดต่างๆ อีกด้วย
อันดับ 8 Choco Flake ของ Morinaga (チョコフレーク)
มีวางขายมาตั้งแต่ปี 1967 เป็น Corn Flake เคลือบช็อกโกแลต ที่จะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติหวานหอมของช็อกโกแลตและความกรอบของ Corn Flake ไปพร้อมๆ กัน
อันดับ 7 Choco Ball จาก Morinaga (チョコボール)
วางขายตั้งแต่ปี 1965 เป็นขนมช็อกโกแลตขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร มีไส้ต่าง ๆ เช่น ไส้ถั่ว นม คาราเมล สตอเบอร์รี่ บิสกิต ฯลฯ
อันดับ 6 Apollo Chocolate จาก Meiji アポロチョコレート
วางขายตั้งแต่ปี 1969 มีช็อกโกแลตนมและช็อกโกแลตสตรอเบอร์รี่เป็นส่วนผสมหลัก แต่ถ้าไปแถบ Kansai ก็อาจจะได้ลิ้มลองรสชาเขียวหรือถ้าไปแถบ Hokkaido ก็จะมีรสเมล่อน วางขายเป็นสินค้าพิเศษด้วยส่วนชื่อแล้วก็ดีไซน์ของสินค้านี้ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก ยาน Apollo 11 ของอเมริกานั่นเอง เนื่องจากกระแสข่าวของ Apollo 11 ดังมากในช่วงนั้นพอดี
อันดับ 5 Kinoko No Yama จาก Meiji (きのこの山)
วางขายตั้งแต่ปี 1975 เป็นขนมช็อกโกแลตที่เกิดจากไอเดียของพนักงานในบริษัท Meiji เอง ที่อยากลองกินขนมปัง Cracker กับ Apollo Chocolate ก็เลยเกิดการพัฒนามาเป็น ช็อกโกแลตรูปเห็ดในที่สุด (Kinoko ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “เห็ด”) โดยโคนเห็ดทำจากขนมปังกรอบ Cracker ส่วนหัวเห็ดนั้นเป็นช็อกโกแลตขมที่เคลือบช็อกโกแลตนมอีกที
อันดับ 4 Crunky จาก LOTTE (クランキー)
วางขายตั้งแต่ปี 1974 เป็นขนมที่ทำจากช้อกโกแลตนมบวกกับความกรุบกรอบของเม็ดข้าวพอง
อันดับ 3 Tirol Choco チロルチョコ
วางขายตั้งแต่ปี 1962 ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ว่าอยากจะให้เด็กๆ ได้ลิ้มลองรสชาติของช็อกโกแลตแสนอร่อยในราคาย่อมเยา จึงวางขายในราคาชิ้นละ 10 เยน แล้วก็ขายดิบขายดีอย่างรวดเร็ว ต่อมาด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ราคาขายต้องอยู่ที่ 15 เยน แต่ด้วยความที่อยากจะคงราคาขายไว้ที่ 10 เยน ก็มีการเพิ่มส่วนผสมของ Nougat หรือว่าตังเมเข้าไปเพื่อให้ได้ราคา 10 เยนเหมือนเดิม แล้วก็ได้รสชาติใหม่ๆ ของขนมช็อกโกแลตขึ้นมาด้วย และแล้วในปี 1979 ด้วยวิกฤติกาณ์น้ำมันแพง ทำให้ต้องขาย Tirol Choco ในราคา 30 เยน ทำให้ยอดขายลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้น Tirol Choco จะมีชิ้นที่ค่อนข้างใหญ่ เพื่อให้ได้ราคา 10 เยนเหมือนเดิมอีกครั้งจึงได้แบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ 3 ชิ้น แล้วก็ขายในราคาชิ้นละ 10 เยนเหมือนเดิมจนได้ฉายาว่า “10 yen Chocolate” เรื่อยมา
ต่อมาเมื่อระบบ Bar Code ถูกนำเข้าไปใช้ในญี่ปุ่น เพื่อให้ฉลากสามารถพิมพ์ Bar Code ได้จึงต้องปรับให้ Tirol Choco มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็เลยขายในราคา 20 เยน แต่ถ้าวางขายตามร้านโชว์ห่วยทั่วไปก็ยังคงมีราคา 10 เยนอยู่ แล้วก็มีขนาดใหญ่พิเศษถือเป็น Premium Size ก็จะมีราคา 30 เยน สรุปแล้วก็คือมี 3 ราคา คือ 10, 20, 30 เยน และมีหลากหลายรสชาติให้เลือก
อันดับ 2 Koeda (小枝) จาก Morinaga
วางขายตั้งแต่ปี 1971 เป็นช็อกโกแลตแท่งเล็กๆ ที่มีข้าวพอง และอัลมอนด์เคลือบอยู่ถึง 2 ชนิด
อันดับ 1 Takenoko No Sato (たけのこの里) จาก Meiji
วางขายตั้งแต่ปี 1979 เป็นผลิตภัณฑ์ที่วางขายต่อจาก Kinoko No Yama ต่างกันตรงที่ Kinoko No Yama จะใช้ Cracker ส่วน Takenoko No Sato นั้นจะเป็น Cookie (Takenoko ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “หน่อไม้”)
credit: http://www.marumura.com/