ชาวญี่ปุ่นกินข้าวเป็นอาหารหลัก (主食, shushoku) อาหารญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงได้แก่ ซูชิ(寿司 sushi) เทมปุระ(Tempura) สุกียากี้(鋤焼, すき焼き, スキヤキ Suki) ยากิโทริ และ โซบะ(そば, 蕎麦 soba) อาหารญี่ปุ่นหลายอย่างดัดแปลงจากอาหารต่างประเทศ เช่น ทงคัตสึ ราเม็ง และ แกงกะหรี่ญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่น ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เพราะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ชาวญี่ปุ่น มีความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบจึงทำให้มี อาหารประจำท้องถิ่น และ อาหารประจำฤดู วัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ในอาหารญี่ปุ่นคือ ถั่วเหลือง ซึ่งนำมาทำโชยุ มิโสะ เต้าหู้ ถั่วแดง ซึ่งมักนำมาทำขนม และสาหร่ายชนิดต่างๆ เช่น คอมบุ นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่นยังนิยมกิน ซะชิมิ หรือ อาหารทะเลดิบ อีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ราเม็ง (Shin Yokohama Raumen Museum)ชาวญี่ปุ่น มีความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบจึงทำให้มี อาหารประจำท้องถิ่น และ อาหารประจำฤดู วัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ในอาหารญี่ปุ่นคือ ถั่วเหลือง ซึ่งนำมาทำโชยุ มิโสะ เต้าหู้ ถั่วแดง ซึ่งมักนำมาทำขนม และสาหร่ายชนิดต่างๆ เช่น คอมบุ นอกจากนี้ ชาวญี่ปุ่นยังนิยมกิน ซะชิมิ หรือ อาหารทะเลดิบ อีกด้วย
มาถึงที่โยโกฮาม่า จากสถานีชินโยโกฮาม่าขึ้นไปทางเหนือ ไม่ไกลนัก เราจะพบ พิพิธภัณฑ์ราเม็ง (Shin Yokohama Raumen Museum) หรือที่เรียกกันว่า ราเม็งมิวเซียม นั่นเองค่ะ เปิด 11.00 - 23.00 น. (เข้าก่อน 22.00 น.) พอจ่ายค่าบัตรผ่านประตูผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 100 เยน (ไม่รวมค่าราเม็งนะจ้ะ) เสร็จแล้วก็เข้าไปชมข้างในกันได้เลยค่ะ

เพราะว่าชาวต่างชาติ ใครไปใครมา ก็จะมาหยุดอยู่ที่ท่าเรือโยโกฮามาก่อนจะเข้าโตเกียว ทำให้มีวัฒนธรรมนานาชาติผ่านเข้าสู่ญี่ปุ่น ณ จุดนี้ ซึ่งราเม็งก็เป็น 1 ในวัฒนธรรมที่ชาวจีนนำเข้ามาด้วยตอนที่อพยพมาทำงานตามเมืองท่าเรือ ในช่วงแรกเรียกว่าบะหมี่จีน พอคนญี่ปุ่นมาชิมปุ๊บ ก็เลยติดใจและดัดแปลงรสชาติให้เข้ากับคนญี่ปุ่น เกิดเป็นราเม็งน้ำข้นบ้างน้ำใสบ้าง มีเนื้อหมูฝานเป็นแผ่นบางๆ ส่วนใหญ่มักเป็นหมูมีมันตรงกลาง

ชั้นแรกที่พบ ก็จะมีการเล่าถึงประวัติความเป็นมาของราเม็งญี่ปุ่น เครื่องมือในการใช้ผลิตเส้นราเม็ง และราเม็งชนิดต่างๆ และมีร้่านขายสินค้า ของที่ระลึกก็จะเป็นพวกราเม็งกึ่งสำเร็จรูปเอาไปทำกินเองที่บ้าน มีอุปกรณ์การกินราเม็งมากมาย เช่น ชาม ถ้วย ช้อน ตะเกียบ เส้นที่เอาไว้ทำราเม็งค่ะ

มีการแสดงบะหมี่ในแนวต่างๆค่ะ ภาพด้านซ้ายเป็นบะหมี่ถ้วย ส่วนภาพด้านขวาเป็นบะหมี่ที่ออกแบบมาเพื่อรับประทานในอวกาศ ในสภาพที่ไร้แรงโน้มถ่วง ประมาณว่าตัดซองปั๊บ พอบะหมี่ลอยออกมาก็งับเข้าปากได้เลยค่ะ แหม คนญี่ปุ่นนี่ช่างคิดจริงๆ
และที่เด็ดที่สุดเลยต้องเป็นชั้นใต้ดินค่ะ เพราะในชั้นใต้ดินแห่งนี้มีร้านขายราเม็งอยู่มากมายค่ะ ตกแต่งในสไตล์ย้อนยุคไปช่วงประมาณ พ.ศ. 2500 และไม่ได้เด่นเรื่องบรรยากาศแค่นั้นนะ รสชาตินี่สุดยอดเลยด้วย

ร้านราเม็งที่ราเม็งมิวเซียมแห่งนี้ มีเพียง 8 ร้าน ที่ผ่านการคัดเลือกว่าทำราเม็งได้อร่อยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียวค่ะ โดยแต่ละร้านจะมาจากเมืองแห่งราเม็ง เช่น ซัปโปโร, ฟูคุชิมะ, วาคายามะ, ฮากาตะ แหม สำหรับราเม็งเลิฟเวอร์นี่ห้ามพลาดเด็ดขาด วิธีการทานราเม็งที่นี่ออกจะแปลกสักนิดนะคะ คือเราต้องเลือกร้านราเม็งที่ถูกใจก่อน โดยที่หน้าร้านจะมีตู้กดเลือกชนิดของราเม็งที่เราสนใจ มีรูปพร้อมราคาบอกไว้เสร็จสรรพ เรามีหน้าที่ใส่เงินเข้าไป แล้วกดเลือกป้ายที่ต้องการ คูปองของราเม็งชนิดที่เราต้องการก็จะหล่นลงมา เราก็เอาคูปองนั้นเข้าไปนั่งในร้านยื่นให้พนักงานรอคิวสักครู่ เมื่อที่นั่งในร้านว่างจึงจะเข้าไปรับประทานได้ค่ะ
info credit:
http://ilove2go.blogspot.com/2009/09/shin-yokohama-raumen-museum.html